ยอดขายในธุรกิจของคุณ แปรผันตรงกับจำนวนของ “ผู้ชม” ยิ่งมาก นั่นหมายถึงยอดขายที่มากขึ้นตามไปด้วย และในปัจจุบันคุณไม่ต้องใช้เงินทุนมากมายไปเพื่อมีสื่อ หรือเช่าเวลาของสื่อต่าง ๆ เพียงอย่างเดียว เพราะเรามีเครื่องมือออนไลน์ตอบสนองได้ง่าย และรวดเร็วขึ้น
ประเด็นที่อยากเล่า มี 3 เรื่อง คือ
- จะสร้างผู้ชมอย่างไร
- จะเก็บผู้ชมเอาไว้นานที่สุดอย่างไร
- ตัวช่วยและวิธีการ เพื่อทำทั้ง 2 ข้อ
การสร้างและเก็บผู้ชมให้เข้ามาชมเนื้อหาของคุณ คือ กิจกรรมทางการตลาดอย่างหนึ่ง ซึ่งไม่เกี่ยวว่าจะขายได้มากน้อยเพียงใด คุณต้องสร้างสรรค์ “กิจกรรมการขาย” เมื่อมีสินค้าเปิดตัวออกมาขาย
แต่เชื่อเถอะว่า เมื่อคุณสร้างผู้ชม และทำให้เขากลายเป็นแฟนพันธ์แท้ของคุณได้ เมื่อมีสินค้าออกมาขาย ผมรับรองได้ว่าขายได้แน่นอน!
ผมได้อ่านหนังสือชื่อ “AUDIENCE” ชื่อไทยว่า “เปลี่ยนจากแค่คนรู้จัก เป็นรักและบอกต่อ” เขียนโดย เจฟฟรีย์ เค. โรห์ส แปลโดย คุณ เขมลักษณ์ ดีประวัติ สำนักพิมพ์ อมรินทร์ฮาวทู เมื่ออ่านจบผมพบว่าสิ่งที่ Leader Wings ทำคือ..
สร้างผู้ชมผ่านเนื้อหาในเว็บไซต์ของเรา และเก็บผู้ชมเอาไว้ผ่านเครื่องมือต่าง ๆ
ซึ่งสิ่งสอดคล้องกับเนื้อหาในหนังสือ และจริง ๆ เราทำแบบนั้นมาตั้งแต่เริ่มก่อตั้งเว็บไซต์แล้ว จึงอยากจะมาเล่าให้ฟังว่า การมี “ผู้ชม” สำคัญมาก ๆ สำหรับธุรกิจและบริการเพียงใด
เหตุผลที่คุณต้องมีผู้ชม
ขายผ่านสื่อ ต้องใช้เงิน และต้องจ่ายเงินมากหากต้องการยอดขายที่มากตามไปด้วย แน่นอนการขายสินค้าจำเป็นต้องทำการ “โฆษณา” อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
แต่หากคุณมีกลุ่มผู้ชมที่ติดตามคุณเป็นจำนวนมาก ผ่านสื่อหรือช่องทางของคุณเอง ทุกครั้งที่คุณเผยแพร่เนื้อหาบางอย่างออกไปในช่องทางนั้น ๆ จะมีผู้คนที่เห็นเนื้อหา หรือข้อความของคุณมากมาย และเกิดการโต้ตอบอย่างฉับพลัน
เมื่อสื่อถูกเผยแพร่สู่ผู้ชมจำนวนมาก “โอกาสการขาย” ก็มากขึ้น
แทนที่คุณจะต้องหวังพึ่งสื่อจากช่องทางอื่น ของคนอื่น ที่ต้องจ่ายเงินทุกครั้ง ในการสื่อสารเนื้อหา โฆษณาของคุณออกไป เป็นความเสี่ยงที่เรายอมรับว่าเขาอาจไม่ลงโฆษณาของคุณ เขาอาจขอขึ้นราคาค่าเผยแพร่โฆษณานั้น ๆ หรือโฆษณาไปไม่ตรงตามกลุ่มเป้าหมายอย่างแท้จริง
แต่หากเรามีสื่อ หรือช่องทางที่เป็นของเราเองที่สามารถติดต่อกับผู้ชมได้ ความเสี่ยงที่เราต้องพึ่งพาสื่ออื่น ๆ ก็ลดลง แต่ไม่ได้หมายความว่าคุณต้องละทิ้งสื่อหลักที่คุณเคยใช้และมันได้ผลอยู่ แต่ผมอยากให้คุณมีช่องทางมากขึ้นเพื่อลดความเสียงนี้
โดยการสร้าง “ผู้ชม” เป็นของตัวเอง
จะสร้างผู้ชมอย่างไร
ไม่มีใครดูรายการทีวีที่ตัวเองไม่ชอบ ไม่มีใครฟังสถานีวิทยุที่ดีเจไม่เปิดเพลงที่เราขอไปหรอก ไม่มีใครกด “ติดตาม” Youtube Channel ที่เขาไม่สนใจเนื้อหานั้น
กฎข้อแรก ของการสร้างผู้ชม คือ “ทำให้แค่คนรู้จัก เปลี่ยนเป็นรัก ผ่านเนื้อหาที่เรานำเสนอ”
แน่นอนว่าเราไม่สามารถทำให้ทุกคนรักเราทั้งหมดได้ แต่เราสามารถคัดกรองผู้ชมที่ชื่นชอบเราได้หลายวิธีเพื่อช่วยให้เราได้กลุ่มแฟน ๆ ที่ชื่นชอบและรักเราจริง ๆ เมื่อเราขายสินค้า ผู้คนเหล่านี้ พร้อมที่จ่ายเงินเพื่อซื้อสินค้าของเรา ผ่านเนื้อหาที่เรานำเสนอ
สร้างเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับสินค้า และผู้ชมได้รับคุณค่า
ขยายความคำว่า “คุณค่า”
คุณค่าในที่นี่ ผมหมายถึง ชีวิตของผู้ชม “ดีขึ้น” อย่างใดอย่างหนึ่งจากการได้ดู อ่าน ฟัง เนื้อหาที่คุณนำเสนอทันทีที่ได้รับชมเนื้อหานั้น หรือหลังจากนำเนื้อหานั้น ๆ ไปลงมือปฏิบัติจริง เช่น…
- ดูเนื้อหาแล้ว ตลก อารมณ์ดีขึ้น หัวใจเต้นแรงขึ้น
- ดูเนื้อหาแล้วซาบซึ๊งกับเนื้อหานั้น ๆ
- ดูเนื้อหาแล้วสุขภาพดีขึ้น จากการลงมือทำตามคำแนะนำของเนื้อหานั้น
- ดูเนื้อหาแล้ว มีความคิดและทัศนคติที่ดีขึ้นจากความเข้าใจที่มากขึ้น
- ดูเนื้อหาแล้ว การเงินดีขึ้น จากการแนะนำเรื่องการบริหารเรื่องการเงิน
- ฯลฯ
นั้นคือเนื้อหาที่ มีคุณค่าสำหรับผู้ชม
อยากได้กลุ่มผู้ชมที่ติดตามเราเป็นแบบไหน การสร้างเนื้อหาที่กลุ่มคนเหล่านั้นชอบ และแน่นอนว่าต้องสอดคล้องกับสินค้าของคุณด้วย
การเลือกประเภทของเนื้อหาที่แตกต่าง
เอาแบบเข้าใจง่าย ๆ เลย เช่น…
- นักเขียน เลือกใช้เนื้อหาที่ “ตัวอักษร” เพื่อเผยแพร่ เพราะสินค้าของเขาคืองานเขียน หนังสือ
- ช่างภาพเลือกใช้รูปภาพเพื่อสื่อสารว่า เขามีทักษะ และฝีมือถ่ายภาพ เพราะสินค้าของพวกเขาคือ งานจ้างถ่ายภาพ หรือธุรกิจเกี่ยวกับการถ่ายรูป
ดังนั้น หลักคิดง่าย ๆ ที่ช่วยให้คุณเลือกประเภทของเนื้อหา
เลือกเนื้อหาที่สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ง่าย และสร้างการรับรู้อย่างรวดเร็ว หรือ
ทำออกมาแล้ว “คนชอบ > แชร์ > และติดตาม”
ถ้าทำอย่างต่อเนื่องเขาจะกลายมาเป็น “ผู้ชม” ที่คอยติดตามเนื้อหาของคุณ และอนาคตอาจจะกลายมาเป็นลูกค้า
รูปภาพ
มีคำกล่าวที่ว่า รูปภาพเพียงรูปเดียวทดแทนคำบรรยายนับพันตัวอักษร และมันเป็นเรื่องจริงที่รูปภาพที่ดีทำหน้าที่ของมันได้ดีมาก หากเราถ่ายทอดเรื่องราวของรูปภาพนั้น ๆ ออกมาได้ดี
สินค้าแทบทุกประเภทสามารถสื่อสารผ่านรูปภาพได้ทั้งหมด ยิ่งเป็นสินค้าที่ต้องการสื่อสารรูปลักษณ์ของตัวสินค้าให้ลูกค้าเห็น ยิ่งเหมาะสำหรับการใช้ภาพมาก เช่น ความสวย ความงาม เครื่องสำอาง สินค้าแฟชั่น เสื้อผ้า เครื่องประดับ อาหารการกิน เครื่องดื่ม ฯลฯ
วีดีโอ
เป็นหนึ่งในประเภทของเนื้อหาที่ได้รับนิยมมากในปัจจุบัน ยิ่งอุปกรณ์และเครื่องมือช่วยให้เราดูเนื้อหาที่เป็นวีดีโอได้เร็วขึ้น ง่ายขึ้น ราคาถูกขึ้น
เนื้อหาที่ต้องการเล่าเรื่องเป็นขั้น เป็นตอน มีวิธีการทำ เช่น วิธีทำอาหาร วิธีแต่งหน้า วิธีใช้งานโปรแกรม ฯลฯ เราสามารถเล่าเรื่องที่เชื่อมโยงเข้ากับตัวสินค้าได้ด้วย Video Content
บทความ
เนื้อหาที่ทรงพลังมากสำหรับโลกออนไลน์ และอยู่มานานกับการตลาดเน้นเนื้อหา (Content marketing) เพราะมีต้นทุนในการผลิตต่ำที่สุด และสามารถเผยแพร่ได้รวดเร็วมาก
คนไทยใช้ Google ในการค้นหาข้อมูลที่ต้องการ หากเราทำเนื้อหาที่เป็นบทความที่ถูกปรับแต่งให้ค้นหาได้ง่ายผ่านเครื่องมือค้นหาอย่าง Google คนที่ต้องการเนื้อหานั้นก็จะเจอเราและเข้ามาหาเราผ่านช่องทางนี้ได้
เครื่องมือออนไลน์เพื่อเผยแพร่เนื้อหานั้น ๆ
เมื่อเลือกได้แล้วว่าเนื้อหาที่ต้องการนำเสนอนั้น เป็นเนื้อหาประเภทไหน โทนของเนื้อหาเป็นแบบไหน ขั้นต่อมาคือ นำเนื้อหานั้นไปเผยแพร่บนสื่อออนไลน์ที่เราสร้างขึ้นมา โดยการเลือกว่าเราจะเผยแพร่มันบนเครื่องมือหรือสื่อใด ๆ
ก่อนที่จะนำเสนอเนื้อหานั้น ๆ ต้องมีศูนย์กลางการสร้างและกระจายเนื้อหา หากต้องการทำการตลาดอย่างจริงจัง
“เว็บไซต์” คือศูนย์กลางการสร้าง กระจาย และเก็บผู้ชมเอาไว้ โดยไม่ว่าเนื้อหาจะถูกเผยแพร่ในเครื่องมือใด ๆ ก็ตาม ผู้ชมเหล่านั้นต้องถูกดึงกลับมาที่เว็บไซต์
เพราะเว็บไซต์ทำให้คุณปิดการขายผ่านช่องทางนี้ได้
เครื่องมือในการสร้างและเก็บรักษาผู้ชม
การสร้างผู้ชมในตอนเริ่มต้นเราควรใช้กลยุทธ์การนำเสนอเชิงรุก (Push Strategy) ให้เนื้อหานั้นออกไปสู่กลุ่มเป้าหมายที่คาดว่าจะชอบเนื้อหานั้น ผ่านเครื่องที่ง่ายที่สุดและเร็วที่สุดในตอนนี้คือ Facebook Page โดยเนื้อหานั้นสามารถจะสามารถเข้าถึงผู้คนแบบ Organic Reach และผ่านโฆษณาด้วย Facebook Ads
โดยเนื้อหาที่คุณเผยแพร่ออกไปนั้น สามารถดึง Traffic ไปที่ได้มาเป็น
- กดไลค์ แชร์ คอมเม้น ในโพสต์นั้น
- กดไลค์แฟนเพจ
- กดลิงก์มาที่เว็บไซต์
สิ่งที่ได้จากข้อ 1 คือ ผลตอบรับโดยตรงจากการทำ Content marketing (คนชอบและได้ประโยชน์จากเนื้อหานั้น ๆ )
สิ่งที่ได้จากข้อ 2 คือ การสร้าง Audience หรือผู้ชม ที่อยากติดตามเนื้อหาของเราในครั้งต่อไป
สิ่งที่ได้จากข้อ 3 คือ
3.1 โอกาสสร้างผู้ชมในช่องทางอื่น ๆ เช่น Twitter, Youtube, Instagram and Email เป็นต้น
3.2 โอกาสในการปิดการขายสินค้าที่อยู่ในเว็บไซต์ เนื่องจากเนื้อหาเกี่ยวข้องกับสินค้า
นั้นคือเหตุผลที่คุณต้องมี “เว็บไซต์” หากต้องการสร้างผู้ชมอย่างจริงจัง
หรือสามารถนำเสนอเนื้อหาเพื่อรองรับความต้องการของผู้ชม (Pull Strategy) เมื่อผู้ชมต้องการทราบข้อมูลเรื่องนั้น (ที่เกี่ยวข้องกับสินค้า) และสร้างเนื้อหาเอาไว้เพื่อตอบสนองกลุ่มผู้ชมเหล่านั้น หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่ากลยุทธ์แบบตั้งรับ
วิธีเริ่มต้นและทำได้ง่ายสุด คือการทำ SEO ให้..
- เว็บไซต์
- Youtube
2 ช่องทางนี้ คุณสามารถทำเนื้อหาและปรับแต่งให้เนื้อหาสามารถค้นหาได้ง่ายบน Google
หลักการง่าย ๆ ที่คุณสามารถเริ่มได้เลยสำหรับการทำ SEO ให้เนื้อหาของคุณคือ
- ใส่ “คีย์เวิร์ด” ที่เกี่ยวข้องลงไป “ชื่อบทความ” หรือ “ชื่อวีดีโอ”
- ใส่ “คีย์เวิร์ด” ที่เกี่ยวข้องลงไป “บทความ” หรือ “คำบรรยายวีดีโอ”
เรื่องการปรับแต่งเว็บไซต์ให้สามารถค้นหาได้ง่ายและขึ้นอับดับต้นใน Google นั้นเป็นอีกเรื่องที่มีเนื้อหารายละเอียดมากมาย แต่ 2 อย่างนี้สามารถทำได้เลย และค่อยมาเรียนรู้เพิ่มเติมในบทความต่อ ๆ ของ Leader Wings อย่าลิมติดตามกันนะครับ
**คีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้อง อ่านบทความนี้ เพิ่มเติม
จะเก็บผู้ชมเอาไว้นานที่สุดอย่างไร
มีเนื้อหาที่มีคุณค่า เผยแพร่ผ่านเครื่องมือที่แนะนำไปแล้ว คราวนี้คือการเก็บรักษาผู้ชมเอาไว้ให้นานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
ผู้ชมต้องการเนื้อหาที่มี Value สำหรับพวกเขา หากไม่มีเนื้อหา แล้วเขาจะติดตามคุณทำไม!
ดังนั้น หัวใจหลักของการ เก็บรักษาผู้ชม คือ…
สร้างเนื้อหาออกมาอย่างสม่ำเสมอ ตรงเวลา และรักษามาตรฐานเดิมเอาไว้ให้ได้!
ส่วนเรื่องอื่น ๆ เป็นเรื่องรองและไม่สำคัญเลย หากคุณไม่ผลิตและสร้างเนื้อหาออกมาอย่างต่อเนื่อง เช่น
- ทำให้เขาแฟน ๆ เป็นคนพิเศษ
- สนใจแฟน ๆ ของคุณ ตอบรับพวกเขา คุยกับพวกเขา
- ตอบสนองพวกเขา สร้างเนื้อหาที่แฟน ๆ อยากรู้ อยากอ่าน อยากดู
การนำเสนอเนื้อหาอย่างอย่างต่อเนื่องก็เหมือนรายการข่าวทีวี ที่มาทุกเช้า เวลา 7 โมงเช้าของทุกวัน แฟน ๆ และผู้ติดตามของรายการนั้นก็จะเปิดทีวีรอดูเลย เช่นเดียวกับเพจ Leader Wings ของเรา ทีมีบทความใหม่ ๆ โพสต์ตอน 7 โมงเช้าของทุกวัน ทำให้แฟน ๆ ของเรารู้ว่า ตอนเช้าเราจะมีบทความและเนื้อหาใหม่ ๆ มานำเสนอ
คุณเองก็ทำแบนั้นได้เช่นกัน….
สรุป ๆ
เนื้อหาทั้งหมดทำได้ แต่ต้องเชื่อก่อนว่า สิ่งที่ลงทุนไปนั้น มันมีผลกระทบกับในอนาคตได้ เพิ่มยอดขายได้จริง ๆ และต้องเข้าใจว่าการตลาดแบบเน้นเนื้อหานั้น อาจไม่ส่งผลในระยะสั้น แต่สามารถสร้างผู้ชม แฟน ๆ ผู้ติดตาม และสาวกที่ชอบในแบรนด์ระยะยาว
ต้องแยกให้ออกว่าการขายและการตลาดมีความแตกต่างกัน >> อ่านบทความนี้
ขอบคุณเนื้อหาดี ๆ ที่ทำให้เรียนรู้การสร้างและเก็บรักษาผู้ชมได้ดีขึ้น หนังสือ “AUDIENCE” เขียนโดย เจฟฟรีย์ เค. โรห์ส แปลโดย คุณ เขมลักษณ์ ดีประวัติ สำนักพิมพ์ อมรินทร์ฮาวทู