
Image credit: gratisography.com
สาเหตุที่ 1 : ของดี สินค้าดี บริการดี แต่การทำตลาดแย่ การขายก็แย่
เรามักจะเคยได้ยินกันอยู่บ่อย ๆ ว่า ต่อให้สินค้าดีแค่ไหน แต่ถ้าขายไม่ได้ ก็จบข่าว เพราะธุรกิจต้องมีเงินล่อเลี้ยงอยู่เสมอ ดังนั้น การโฟกัสที่การผลิตสินค้าให้เยี่ยมยอดอย่างเดียว ไม่เพียงพอ ต้องขายให้ได้ด้วย และการที่จะทำให้ขายได้ง่ายยิ่งนั้น ก็จำเป็นต้องทำการตลาดที่เอื้อต่อการขายอีกด้วย
ดังนั้น ผลิตภัณฑ์หรือสินค้าอาจจะยังไม่ต้องเพอร์เฟคในตอนแรกให้ค่อย ๆ พัฒนาไปเรื่อย ๆ พร้อมกับเงินทุนหมุนเวียนที่มากพอ แล้วให้ไปเน้นด้านการขาย การทำการตลาดให้มากขึ้น
สาเหตุที่ 2 : ทำอยู่คนเดียว ไม่ไว้ใจให้คนอื่นทำ
เนื่องจากธุรกิจจะเติบโตได้อย่างมีประสิทธิภาพนั้น บุคคลากรแต่ละคนในองค์กร ควรโฟกัสเพียงแค่งานที่ถนัดที่สุดอย่างเดียว จะทำให้งานที่ออกมานั้นมีประสิทธิภาพที่สูง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ที่เป็นเจ้าของกิจการ เป็นงานที่จะต้องใช้ความคิดเป็นหลัก ดังนั้น งานใดที่เป็นงานที่ต้องใช้แรงกาย หรือกินเวลามาก ๆ จำเป็นจะต้องมีทีมงานมารับผิดชอบในงานส่วนนั้น ๆ
เพราะอย่าลืมว่า เวลาเรามี 24 ชั่วโมงเท่าเดิม แต่งานกลับมากขึ้น เพราะธุรกิจขยายตัวเติบโตขึ้น ดังนั้นทีมงานคืออีกจุดหนึ่งที่สำคัญอย่างยิ่งที่จะพาให้บริษัทและธุรกิจของคุณก้าวไปข้างหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สาเหตุที่ 3 : ไม่มีพาร์ทเนอร์
ต่อเนื่องจากข้อที่แล้ว คือ การที่ธุรกิจจะเติบโตได้นั้น จะต้องไม่ทำอยู่คนเดียว ต้องมีคนเข้ามาช่วย และนอกจากทีมงานภายในแล้ว ยังจำเป็นที่จะต้องมีพาร์ทเนอร์ภายนอกเข้ามาช่วยด้วย เพราะในโลกธุรกิจเราไม่สามารถอยู่ตัวคนเดียวได้ จำเป็นที่จะต้องอาศัยทรัพยากรที่สามารถตกลงกับองค์กรอื่นได้ด้วย
ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเราจะผลิต AudioBook สักชุดหนึ่ง เราสามารถทำได้ด้วยตนเองแบบง่าย ๆ ที่บ้านก็ได้ อาจจะอาศัยไมค์พอประมาณ เขียนบทเอง อัดเสียงเอง ตัดต่อเอง สร้างห้องอัดเอง และทำการตลาดและขายเอง ทั้งหมด ในช่วงเริ่มต้นธุรกิจก็พอจะถู ๆ ไถ ๆ ไปได้
แต่เมื่อต้องการที่จะขยายสเกลของธุรกิจให้มันเติบโตยิ่งขึ้น เราไม่สามารถทำได้ด้วยตัวคนเดียวหรืออาศัยแต่ทรัพยากรภายในองค์กรเพียงอย่างเดียวได้ ยกตัวอย่างเช่น แทนที่เราจะสร้างห้องอัดเสียงขึ้นมาเอง ซึ่งอาจจะต้องลงทุนหลายแสน หลายล้านบาท แต่เราอาจใช้การ Outsource จากภายนอก หรือเช่า Studio ภายนอกที่มีเครื่องไม้ เครื่องมือ เพียบพร้อมกว่า ก็ทำให้เราไม่ต้องลงทุนในด้านเครื่องมือที่ดีขึ้นมาจากเดิม
แล้วเมื่อธุรกิจโตมากยิ่งขึ้น ค่อยซื้ออุปกรณ์ที่ดีขึ้นในภายหลังก็ยังไม่สาย
สาเหตุที่ 4 : ขาดเป้าหมายและแผนธุรกิจ
ในช่วงเริ่มต้นธุรกิจ หลาย ๆ คนมักจะเริ่มมาจากมองเห็นโอกาสทางธุรกิจ หรือพัฒนาในสิ่งที่ตัวเองรักกลายมาเป็นธุรกิจ ก็มักจะทำไปเรื่อย ๆ โดยไม่คิดอะไร เพราะเห็นว่า ขายดี อยู่ได้ ก็ขายไปวัน ๆ จนกระทั่งมาสะดุดอีกทีก็เมื่อเจออะไรที่มันกระทบกับธุรกิจของเรา โดยที่ไม่ได้คาดคิดมาก่อน วางแผนมาก่อน ทำให้รับมือไม่ทัน และอาจถึงขั้นเจ๊งเลยก็ว่าได้
ดังนั้นตัวเจ้าของธุรกิจเอง จะต้องมีวิสัยทัศน์ที่แน่ชัด ในการนำพาทีมไปสู่จุดหมาย โดยมีการวางแผนอย่างรัดกุม เดินตามแผนงานที่วางเอาไว้ ปรับแก้อย่างทันท่วงที เมื่อเกิดปัญหา
เพราะธุรกิจที่ประสบความสำเร็จนั้น ไม่ใช่ได้มาเพราะความฟลุ๊ค แต่เป็นเพราะทำตามแผนที่วางเอาไว้อย่างรัดกุม อย่างมีระเบียบ
สรุปสั้น ๆ ก็คือ นอกจากจะต้องมีสินค้าหรือบริการที่ดีแล้ว จำเป็นต้องทำการตลาดเพื่อให้มีลูกค้าเข้ามาซื้อหรือใช้บริการ และการที่ธุรกิจจะเติบโตได้นั้น ก็จำเป็นจะต้องมีทีมงานเข้ามาช่วยเพื่อให้งานที่ออกมามีประสิทธิภาพตามแผนที่วางเอาไว้