
Credit flickr
โอ๊ย …เบื่อๆ !! เมื่อไหร่จะรวยซะที เสียงมนุษย์ป้ารุ่นพี่ บ่นพึมพำมาหลายปีดีดัก สาเหตุเป็นเพราะเบื่องานประจำ ทำงานมานานหลายปี กลับไม่มีอนาคตเหมือนเพื่อนรุ่นเดียวกัน หลังจากบ่นแล้วเธอก็ก้มหน้าก้มตา ทำงานต่อคล้ายๆโรคเก่ากำเริบ พอได้ทานยาก็ระงับได้ชั่วคราว วันไหนเบื่อ เซ็ง เศร้า เหงา อกหัก ค่อยบ่นใหม่ วันนี้ผมมีบทความที่จะช่วยให้ผู้อ่าน Leader wings ไม่เป็นเหมือนมนุษย์ป้าคนนี้มาฝากกันครับ
12 ขั้นตอน เตรียมความพร้อมก่อนเป็นนายตัวเอง
1. รู้ว่าตัวเองชอบทำอะไร
พูดแล้วเหมือน ‘ง่าย’ แต่หลายคนก็ยังไม่รู้ว่า เฮ้ย ! จริงๆแล้วฉันชอบทำอะไร ? ถ้าวันนี้คุณรู้แล้วว่า Passion ของคุณคืออะไร ยินดีด้วยครับข้ามไป Step ต่อไปได้เลย แต่สำหรับคนที่ยังไม่รู้ ผมแนะนำแบบนี้ครับว่า… ปัจจุบันคุณโดนชักจูงไปตามกระแสสังคมอยู่หรือไม่ หรือแท้จริงแล้วคุณมีแนวทางเป็นของตัวเอง
ตัวอย่างเช่น
- เขาฮิตขายชานมไข่มุก ซื้อแฟรนไซส์เปิดขายบ้างดีกว่า คืนทุนชัวร์
- เขาฮิตขายกาแฟถุงกระดาษ กาแฟกินทุกวันไม่น่ายาก เข้มๆเต็มๆคำ
- เขาฮิตทำส่งออก-นำเขา เพื่อนลาออกไปทำเต็มตัว ขอตามไปด้วยคน
- เขาฮิตขายเคสมือถือ ทุกคนมีมือถือ มือถือต้องใส่เคส ขายดีแน่นอนเชื่อหัว
- เขาฮิตขายครีมหน้าเด้ง ผู้หญิงทุกคนไม่มีใคร ไม่อยากหน้าเด้งขายได้อยู่แล้ว
- เขาฮิตขายอาหารคลีน อาหารสุขภาพใครจะไม่ชอบจริงไหม เทรนด์สุขภาพมาแรง
ไม่ใช่ธุรกิจเหล่านี้ไม่ดี แต่คุณควรค้นหาว่า “ตัวตนของคุณ อยู่ตรงไหน” ลองนึกภาพตามว่า ถ้าคุณเป็นคนตามกระแสแบบนี้ แล้วถ้าวันนึงคุณขายไม่ดี กระแสเปลี่ยน คุณไม่ต้องเลิกกิจการ แล้ววิ่งตามกระแสตลอดชีวิตหรือครับ
ถ้าคุณยังไม่แน่ใจว่าตกลงคุณมาถูกทางหรือไม่
วันนี้ผมมีตัวช่วยมาฝากคุณอีกเช่นเคย
12 เช็คลิสต์ ค้นหาความชัดเจนในตัวคุณ
ทำเครื่องหมาย ‘ใช่’ กับ ‘ไม่ใช่’ ลงบนกระดาษ ลองดูครับว่า…
ความชัดเจนในตัวคุณยังน้อยเกินไป หรือ คุณมีแนวทางชัดเจนแล้วที่จะแสดงให้โลกนี้ประจักษ์
พร้อมแล้ว …
เริ่ม … !!
- คุณเห็นภาพตัวเองชัดเจน 3 ปี 5 ปี 10 ปี คุณจะมีชีวิตแบบไหน
- คุณเห็นเป้าหมายชัดเจนแล้วว่า เกิดมาเพื่อสิ่งนี้ (มันใช่อ่ะ จอร์จ)
- คุณรู้ว่าจุดแข็งของคุณคืออะไร รู้ว่าต้องนำเสนออย่างไร
- คุณมีความชัดเจนใน Business Model ของคุณ (เจ้าโปรเจกต์)
- คุณมองเห็นในสิ่งที่คุณอื่นมองไม่เห็น คือคำว่า โอกาส
- คุณมองอะไรแล้วสงสัยเสมอว่า ทำไมต้องเป็นแบบนั้น เป็นแบบนี้ได้ไหม
- คนอื่นเห็นความเป็นตัวตนของคุณชัดเจน จากภาพลักษณ์ คำพูด ความคิด
- คุณเบื่ออะไรแบบเดิมๆ คุณจะแสดงให้โลกรู้ว่า นี่คือสิ่งที่โลกรอคอย
- ถ้าคุณจะพัฒนาขึ้น มันต้องมาจากคุณเห็นว่า สิ่งนั้นมันดีกับชีวิตคุณจริงๆ
- คุณมีทักษะ มีความหลงใหล ประสบการณ์ พูดจนลิงหลับได้ในเรื่องนั้น
- คุณสามารถจับคู่ Mix and Match แล้วเกิดเป็นธุรกิจ หรือ มีไอเดียเพิ่มมูลค่า
- คุณกำลังค้นหาที่ปล่อยของ หรือปัจจุบันเริ่มมีเวที ให้คุณแสดงผลงานนั้นแล้ว
- (แถม) ปัญหาอุปสรรคดูเล็กนิดเดียว ถ้าเทียบกับเป้าหมายใหญ่ของคุณ
(*หมายเหตุ 12 ข้อนี้ คุณไม่จำเป็นต้องมีครบทั้ง 12 ข้อ ขอเพียงคุณชัดเจนลงไปจริงๆเพียงไม่กี่ข้อ
แล้วลงมือทำไปเรื่อยๆ ความชัดเจนจะค่อยๆปรากฏขึ้นมาเอง )
เทคนิค 5 นาที ด้วยกระดาษ A4 ค้นหาตัวเอง
- หากระดาษเปล่า A4 มา 1 แผ่น
- เขียนลักษณะงานที่คุณชอบลงไป (เช่น ชอบทำงานนอกสถานที่ ชอบพบปะผู้คน ชอบทำงานคนเดียว)
- ถ้าคิดไม่ออก ให้เขียนงานที่คุณไม่ชอบ (เช่น ไม่ชอบตอกบัตร ไม่ชอบเดินทางต่างจังหวัด ไม่ชอบงานเอกสาร)
- เขียนให้มากที่สุดเท่าที่จะเขียนได้
- จับเวลา 5 นาที เริ่ม !! ………
- หมดเวลา !! เขียนเสร็จแล้วดูว่า…
- ลักษณะงานที่คุณเขียน งานนั้นคืองานอะไร
- ค้นหาว่า งานอะไรที่ตอบโจทย์คุณสมบัติที่คุณเขียนไว้มากที่สุด
- หาเจอแล้ว เขียนลงบนกระดาษ แล้วค้นหาต่อว่า
- ใคร คือคนที่ประสบความสำเร็จในเส้นทางนี้มาแล้วบ้าง
- หาเจอแล้ว เขียนลงบนกระดาษ ยินดีด้วยครับ ภารกิจนี้สำเร็จ
- คุณจะได้ทั้งงานที่เหมาะกับคุณ และต้นแบบความสำเร็จให้คุณเดินตาม
———
สำหรับคนที่เข้ามาอ่านบทความของผมเป็นครั้งแรก
แล้วคุณกำลังค้นหา Passion ของคุณอยู่ แต่ไม่แน่ใจว่าใช่หรือไม่
ผมได้แชร์ 12 คำถาม 3 วินาที ค้นหา Passion ไว้ในบทความ…
10 วิธีเริ่มต้นธุรกิจคุณ สู่ความสำเร็จ – เรียบร้อยแล้ว ตามไปอ่านกันได้เลยครับ
———
2. ใครจะซื้อสิ่งที่คุณทำ
คนส่วนใหญ่คิดเองเออเองว่า สินค้าที่จะขายชิ้นนั้น มันน่าจะขายดีเป็นเทน้ำเทท่า ไม่รอช้า
ลงทุนเปิดร้านทันที วันแรกโชคดีเจอเลยเจอ ย. ยักษ์ 2 ตัว 1. ยุ่ง 2. ยุง
- ยุ่ง คือ การกระทำชนิดหนึ่ง เกิดงานการทำงานมาก สังเกตได้จากคนขายหน้าบูด
- ยุง คือ สัตว์ชนิดหนึ่ง มักมาในช่วงหน้าฝน และหน้าร้านเปิดใหม่ที่ไม่มีลูกค้า
คุณคิดว่าจะเจอตัวไหนก่อนกัน ถ้าเจอ ‘ยุ่ง’ ก็หายเหนื่อย ตกเย็นนั่งนับเงินจนเมื่อยมือ ถ้าเจอ ‘ยุง’ ตลอดทั้งวัน ตกเย็นของเหลือเต็มหม้อ คอตก เจ็บมือ เสียกำลังใจ เอาไงต่อดี นี่แหละปัญหาของพ่อค้าแม่ค้ามือใหม่ ที่เป็นแบบนี้…
สาเหตุเป็นเพราะ …คนขายอยากขาย …แต่คนซื้อไม่อยากซื้อ = เจ๊ง เซ้ง เลิก ปิดกิจการ กลับไปทำงานประจำดีกว่า
อีกแบบ …คนซื้ออยากซื้อ …แต่ไม่มีคนทำออกมาขาย = เงินหมุนอยู่ในกระเป๋าลูกค้า (หาทางออกไม่เจอ)
ทางแก้คือ… สำรวจก่อนว่า ลูกค้ามีความต้องการอะไร แถวนั้นขายอะไรบ้าง มีอะไรบ้างแปลกใหม่ ลองเดินสำรวจดูก่อน ของที่ขายดีเป็นสินค้าประเภทไหน ของกิน หรือ ของใช้ ถ้าคุณสำรวจดูแล้ว แม้แต่ตัวคุณเองยังไม่อยากจะซื้อ แล้วใครจะมาซื้อสินค้าของคุณ
อย่าไปแข่งตลาด Red Ocean คุณควรสร้างตลาด Blue Ocean ของคุณเอง
- Red Ocean พูดง่ายๆ คือ ตลาดที่แข่งขันกันดุเดือด สู้กันทุกรูปแบบ
- Blue Ocean พูดง่ายๆ คือ เปิดตลาดใหม่ สร้างความต้องการ สินค้า/บริการ ขึ้นมาใหม่ โดยที่ตลาดนั้นยังไม่เคยมีใครทำมาก่อน
ตัวอย่างที่ 1…
Red Ocean Strategy : คนที่ 1 รับจัดโต๊ะจีน , คนที่ 2 รับจัดโต๊ะจีน , คนที่ 3 รับจัดโต๊ะจีน เกิดอะไรขึ้น ก็สู้กันด้วยกลยุทธ์ทุกรูปแบบ ตัดราคาบ้าง บริการไวกว่าบ้าง เมนูอาหารดีกว่าบ้าง ลดแลก แจก แถมสารพัด จากกำไรมากเหลือกำไรพออยู่ได้ แต่จะให้เลิกก็ไม่รู้จะไปทำอะไรเพราะทำมาหลายปีแล้ว จึงต้องพยายามนำพาธุรกิจให้อยู่รอด อาศัยฐานลูกค้าบอกต่อ ปากต่อปาก
Blue Ocean Strategy : เปิดตลาดใหม่ สร้างความต้องการขึ้นมาใหม่ แทนที่จะไปทำธุรกิจรับจัดโต๊ะจีน แข่งกับอีก 3 เจ้า – นั่งคิดนอนคิด อะไรที่เรามองข้ามไป ปัญหาอะไรที่ลูกค้าเจอ อะไรที่ไม่เคยมีคนทำมาก่อน แต่ลูกค้ามีความต้องการ …ปิ๊ง !!
“ธุรกิจบริการเสิร์ฟเครื่องดื่มงานโต๊ะจีน”
ข้อดี …เปิดตลาดใหม่ ยังไม่มีคู่แข่ง หรือคู่แข่งน้อย เจ้าภาพไม่ต้องปวดหัว หาคนมาเสิร์ฟเอง การบริการที่เป็นมาตรฐาน ผ่านการอบรมการบริการจากเจ้าของธุรกิจ ลงทุนน้อย ไม่ต้องสต๊อกสินค้า สร้างความประทับใจและบอกต่อจากเจ้าภาพ สามารถดิวงานได้ต่อเนื่องตลอดทั้งปี ที่ไหนมีโต๊ะจีนที่นั่นมีบริการสาวเสิร์ฟมืออาชีพ
ข้อเสีย …ระยะยาวหากไม่พัฒนาการบริการให้มีมาตรฐานที่สูงขึ้น หรือยกระดับการบริการให้หลากหลายครองใจลูกค้าได้ ในไม่ช้าจะเกิดการต่อสู้อย่างดุเดือด มีคู่แข่งมากมาย หรือผู้ที่ประกอบธุรกิจรับจัดโต๊ะจีนหันมาเปิดบริการครบวงจร (One Stop Service) มีบริการสาวเสิร์ฟเครื่องดื่มในงานด้วย ธุรกิจนั้นจะกลายเป็น Red Ocean ในไม่ช้า ผู้ประกอบการที่ดีจึงต้องไม่หยุดที่จะพัฒนาธุรกิจอยู่เสมอ
ตัวอย่างที่ 2 …
Blue Ocean โทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟน
กฎของ Blue Ocean คือ ลด , เพิ่ม , สร้าง , ตัด
สตีฟ จอบส์ ใช้กฎ Blue Ocean ในการรังสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ของเขาโดยการ…
- ลด : ความยุ่งยาก ซับซ้อนในการใช้งาน ไม่จำเป็นต้องอ่านคู่มือ
- เพิ่ม : ปุ่ม Visual ใช้งานได้ในคลิกเดียว
- สร้าง : ตลาดแอพพลิเคชั่น เป็นรายได้ระยะยาว
- ตัด : ปุ่มทิ้งให้หมด โทรศัพท์ไม่ควรมีปุ่มเยอะแยะใช้งานยุ่งยาก
วิวัฒนาการโทรศัพท์มือถือ
สมัยก่อน… โทรศัพท์มือถือมีขนาด ใหญ่ → กลาง → เล็ก (เน้นรูปทรง จอสี)
ปัจจุบัน… โทรศัพท์มือถือมีขนาด เล็ก → กลาง → ใหญ่ (เน้นจอใหญ่ บาง เบา)
ถ้าคุณจะใช้กลยุทธ์ Blue Ocean ในการสร้างธุรกิจส่วนตัวของคุณ
กรณีสินค้า : คุณจะลดอะไร เพิ่มอะไร สร้างอะไร ตัดอะไร ควรตีโจทย์นั้นให้แตก
กรณีบริการ : คุณจะลดอะไร เพิ่มอะไร สร้างอะไร ตัดอะไร ค้นหาความต้องการของลูกค้าให้เจอ
3. ลูกค้า คือ คำตอบ
คำตอบของลูกค้า หลายครั้งนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ด้านผลิตภัณฑ์ การบริการ และการสร้างยอดขายถล่มทลาย
Key Success Factor ของธุรกิจ คือ ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้มากที่สุด
ตอบโจทย์คืออะไร ? นอกจากข้อสอบ ก.พ. แล้ว ยังมีโจทย์อะไรให้ตอบอีกเหรอ มีครับ !!
- อะไรคือสิ่งที่ลูกค้าต้องการมากที่สุด
- อะไรที่ลูกค้ากลัว ไม่มั่นใจ ไม่กล้าใช้ กลัวไม่คุ้ม
- อะไรที่ลูกค้าปรารถนา อยากให้มี อยากให้ทำ อยากให้เพิ่ม อยากให้เปลี่ยน
- ดูว่าสัมพันธ์กับแผนธุรกิจของคุณหรือไม่
- ดูว่าประโยชน์ของสินค้าและบริการ ตอบสนองความต้องการลูกค้าหรือไม่
- จดคำตอบของลูกค้าให้มากที่สุด เพราะเป็นกุญแจสำคัญสำหรับธุรกิจคุณมหาศาล
หยิบข้อมูลของลูกค้ามาประยุกต์ใช้เมื่อคุณต้องการทำการตลาดของคุณให้น่าเชื่อถือและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น บางอย่างสินค้าดีแพ็คเกจไม่ได้เรื่อง บางอย่างสินค้าห่วยแตกการตลาดโคตรเจ๋ง บางอย่างแพ็คเกจดี แต่ข้างในไร้คุณภาพ คุณควรทำสินค้าให้ดีที่สุด เพราะของไม่ดี ลูกค้าบอกต่อ แชท แชร์ แฉเร็วมาก คุณไม่ควรทำให้ตัวคุณ และธุรกิจคุณไปถึงจุดนั้น จุดที่เรียกว่า …เละตุ้มเป๊ะ…บานาน่าซันเดย์…เซย์กู๊ดบาย…
4. ออกแบบแผนธุรกิจของคุณ
ตลาดทุกวันนี้ถ้าคุณต้องการทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ สิ่งที่คุณควรเตรียมตัวตั้งแต่ยังเป็นพนักงานประจำ ก่อนกระโดดออกมาทำธุรกิจส่วนตัวก็คือ คุณต้องฝึกเป็น…
- นักออกแบบ
- นักสร้างสรรค์
- นักแบ่งปัน
- นักพัฒนา
นักออกแบบ …ผมไม่ได้จะบอกให้คุณไปเรียนกราฟฟิกดีไซน์ หัดวาดรูปเหมือน หรือเป็นศิลปินชื่อดังระดับโลก แต่สิ่งที่คุณควรฝึกก็คือ ฝึกออกแบบธุรกิจ ธุรกิจของคุณจะมีหน้าตาอย่างไร สินค้าของคุณคืออะไร ช่องทางอะไรที่คุณส่งมอบสินค้าให้กับลูกค้า ระยะเวลาคืนทุนกี่เดือนกี่ปี พันธมิตรของคุณคือใคร คุณจะประชาสัมพันธ์ธุรกิจคุณให้ลูกค้ารู้จักช่องทางไหน จุดเด่นธุรกิจคุณคืออะไร คุณแตกต่างจากคู่แข่งอย่างไร คุณมีแผนจะขยายธุรกิจของคุณอย่างไร ถ้าคุณกำลังวางแผนทำธุรกิจส่วนตัว
การฝึกจินตนาการ ฝึกออกแบบ จะช่วยให้คุณเห็นภาพธุรกิจชัดเจนมากขึ้น ช่วงแรกอาจจะยาก เขียนแล้วขย้ำทิ้งลงถังขยะเป็นว่าเล่น แต่เชื่อผมเถอะ ถ้าคุณตกผลึกทางความคิดเมื่อไหร่ จุดเปลี่ยนแค่วันเดียว วันที่คุณอุทานว่า “ใช่ เจอแล้ว !!” ชีวิตคุณหลังจากนั้นจะไม่มีวันเหมือนเดิมอีกเลยตลอดชีวิต
นักสร้างสรรค์ …ไม่จำเป็นว่าคุณต้องมีไอเดียฉลาดล้ำโลก ไม่จำเป็นว่าคุณต้องฉลาดระดับ Top ของชั้นเรียน ไม่จำเป็นว่าประสบการณ์ของคุณต้องสูงเท่าตึกใบหยก สิ่งสำคัญคือ คุณต้องฝึกเป็นนักสร้างสรรค์ ฝึกสร้างสรรค์ Product ของคุณเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า โลกปัจจุบันเปลี่ยนไปแล้ว
สินค้าส่วนใหญ่ที่ขายได้ในปัจจุบันมีด้วยกัน 2 แบบ
1. ของเก่า …ความเก่า เป็นเรื่องเล่าที่ไม่มีวันจบ เป็นของสะสม ล้ำค่า มีคุณค่าทางจิตใจ เรียกสินค้าแนวนี้ว่า ‘แนววินเทจ’ ถ้าคุณคิดว่าสินค้าของคุณเก่าพอ หายาก ของแท้ คุณสามารถขายได้กำไรงาม ถ้าคุณหาเจอ แต่ถ้าไม่มีประสบการณ์ดูไม่เป็น ระวังเจอของเก่าก๊อปเกรด A โดนต้มจนเปื่อยเป็นหมูตุ๋น เดี๋ยวจะหาว่าผมไม่เตือน บางคนรู้แล้วแต่อยากลอง ไม่ว่ากันครับ…
2. ของใหม่ …ความใหม่ ในความหมายของผมควรเป็นสินค้าที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อนในโลก ได้แก่ เทคโนโลยี นวัตกรรม แอพพลิเคชั่น วิทยาศาสตร์ แต่ความใหม่อีกแง่มุมคือ การใส่ไอเดีย ความคิดสร้างสรรค์ลงไปในของเดิมๆที่เราเห็นจนชินตา แล้วทำให้ลูกค้าร้อง…
ว้าว ว้าว ว้าว … ‘ มัน Cool , มันใช่ , น่ารักจัง , สวยเว่อร์ , น่าลอง ’
ถ้าทำให้ลูกค้ารู้สึกแบบนี้ได้เมื่อไหร่ เตรียมตัวรับเงินได้เลยครับ ของใหม่พัฒนามาจากของเก่า เป็นการใส่ความคิดสร้างสรรค์ ไอเดีย จินตนาการ ศิลปะ เหมือนการปรุงอาหารแบบกลมกล่อม ลงไปในของเดิมแล้วเกิดเป็นสินค้าใหม่ บางครั้งผมซื้อเพราะไม่ได้อยากกิน อยากใช้ แต่ซื้อเพราะไอเดียคนขายก็มี …เช่น เค้กข้าวหลาม , โจ๊กหม้อดิน , ไอติมกะลา เป็นต้น
นักแบ่งปัน …ลองนึกถึงวันเกิดของคุณดูสิครับ มีเค้กหนึ่งก้อน คุณต้องตัดเค้กแบ่งให้คนในครอบครัว หรือ ให้เพื่อนในงานปาร์ตี้วันเกิดเท่าๆกัน ทุกคนต่างร่วมแสดงความยินดีกับคุณ และคุณก็แบ่งเค้กให้ทานเป็นการตอบแทน เราตื่นเช้าลุกมาใส่บาตรทำบุญ เราขับรถชะลอหลีกทางให้รถคันอื่นไปก่อน เราทำงานให้บริการลูกค้า ในชีวิตคนทุกคนต่างล้วนเป็นผู้ให้และผู้รับ นักแบ่งปันในความหมายที่ผมจะบอกคุณก็คือ ฝึกเป็นนักแบ่งปัน ความเชี่ยวชาญของคุณตั้งแต่ยังทำงานประจำ
มันจะดีแค่ไหน ถ้าคุณได้ลองแบ่งปันสิ่งที่คุณรู้ให้กับเพื่อนร่วมงานของคุณ หรือหัวหน้าของคุณ แล้วพบว่า ความรู้ของคุณช่วยแก้ปัญหาของเขาได้ ไม่ต้องเป็นเรื่องยิ่งใหญ่ขนาดเปลี่ยนโลก แค่แก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ แก้ปัญหาการใช้งานอินเตอร์เน็ทได้ แก้ปัญหา Excel ได้ แก้ปัญหารถสตาร์ทไม่ติดได้ ช่วยแก้ปัญหาให้ลูกค้าได้
แค่นี้ก็ทำให้คุณดูหล่อสวยในสายตาเพื่อนร่วมงานขึ้นมาทันที แถมคุณยังได้เรียนรู้ด้วยว่า ความรู้ของคุณ มีคุณค่ากับผู้คนมากแค่ไหน ถ้าคุณไม่ฝึกเป็นนักแบ่งปัน สุดท้ายแล้วคุณจะเหมือนคนทั่วไปที่พบว่า ตัวเราเองไม่มีความสามารถอะไรเลย ได้แต่นั่งทำงานไปวันๆ เช้าตอกบัตร เย็นกลับบ้าน สาเหตุที่เป็นแบบนั้นเพราะ ไม่รู้จักแบ่งปัน เลยมองไม่เห็นคุณค่าในตัวเอง ชีวิตจะมีคุณค่า ถ้ารู้จักการแบ่งปัน
นักพัฒนา …มนุษย์เป็นสัตว์ที่ต้องพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ สมองของมนุษย์เหมือนคอมพิวเตอร์ที่ชอบให้เราใช้งานตลอดเวลา ถ้าคุณไม่ใช้สมอง ไม่ได้ทำงาน ไม่ได้พูดภาษาต่างประเทศ ไม่ได้ฝึกฝนคิดเลข ไม่ได้ฝึกฝนอะไรเลย สุดท้ายกลายเป็นสมองที่ไม่ได้ใช้งาน ไร้ประสิทธิภาพหลงๆลืมๆ จำอะไรได้ไม่นาน ตรงกันข้าม ควรหลีกเลี่ยงใช้งานสมองที่หนักหน่วงเกินไป ไม่หลับไม่นอน
ทำงานติดต่อกัน 3-4 วัน หรือเป็นอาทิตย์ สุดท้ายแล้วสมองจะรีสตาร์ทและปิดระบบอัตโนมัติ แบบชนิดที่ว่า หลับเป็นตายเพื่อชาร์จพลังงาน ผมกำลังจะบอกว่า คุณต้องฝึกเป็น นักพัฒนาอยู่เสมอ พัฒนาในความหมายของผม ไม่ได้หมายถึง ให้คุณไปลอกท่อประปา พาหมาข้ามถนน หรือ เดินพ่นยาฆ่ายุงลายตามหมู่บ้าน แต่ผมกำลังจะบอกคุณว่า
คุณต้องฝึกเป็นนักพัฒนาตัวคุณเองตลอดเวลา ตั้งแต่วันที่คุณยังทำงานประจำ พัฒนาเรื่องการพูด การขาย การตลาด การเขียน การทำธุรกิจ เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่คุณออกมาทำธุรกิจเต็มตัว คุณจะหยุดพัฒนาตัวเองไม่ได้ หยุดเมื่อไหร่คู่แข่งแซงคุณทันที จะดีกว่าไหม ถ้าคุณจะเริ่มเป็นนักพัฒนาตัวเองเป็นประจำเพื่อที่จะออกไปทำงานไม่ประจำ ตั้งแต่วันนี้…
5. เริ่มต้นสร้างธุรกิจ BUSINESS : MISSION POSSIBLE
ไม่จำเป็นต้องรอให้ลาออก แล้วค่อยเริ่มทำธุรกิจ คุณสามารถเริ่มต้นทำธุรกิจได้ตั้งแต่คุณยังทำงานประจำ คุณไม่มีทางรู้ว่า คุณจะโชคดีเหมือนนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในหนังสือหรือไม่ การลงมือทดสอบธุรกิจของคุณต่างหากจะช่วยให้คุณเห็นลู่ทาง และความชัดเจนในการทำธุรกิจของคุณมากยิ่งขึ้น
ตัวอย่างเช่น…
นาย A ไฟท่วมทุ่ง ผักบุ้งไฟแดง ร้อนวิชา อ่านหนังสือรวยล้นฟ้า แถมเพื่อนยุให้ลาออก ประหนึ่งเป็น เชียร์ลีดเดอร์ ม.กรุงเทพ ระดับแชมป์โลก ต่อตัวตีลังกา ตะโกนลั่นฟ้าว่า “ออกเลยๆ” ในเมื่อความรู้มี กองเชียร์ก็เยอะ คุณแฟนก็ไม่ขัด จัดเต็มสูบสิครับงานนี้…
ผลลัพธ์ เดี้ยง !! จอดตั้งแต่ 3 เดือนแรก รีบกลับไปหางานใหม่ สมัครงานใหม่ เริ่มต้นใหม่ และพบว่าเด็กใหม่จบมา เงินเดือนแซงหน้า กลายเป็นสูงวัยใช่เลย อาวุโส OK ไร้ประสิทธิภาพในการทำงานในสายตาของวัยรุ่น โธ่ !! ชีวิต…
(กรณีนาย A สามารถประสบความสำเร็จได้ ถ้าหลังชนฝา ชีวิตตกต่ำถึงขีดสุด หลังจากนั้นจะดีดตัวเองเหมือนสปริง พุ่งทะยานเหนือชั้นบรรยากาศ Comfort Zone กัดไม่ปล่อยถอยไม่ได้ ไม่สำเร็จไม่เลิก สุดท้ายความสำเร็จขอยอมแพ้ วิ่งมาให้นาย A จับแต่โดยดี)
นาย B ฝึกฝนเคล็ดวิชานายตัวเองเป็นแรมปี อ่านหนังสือ เข้าสัมมนา ปรึกษาผู้ใหญ่ ลงมือเริ่มต้นสร้างธุรกิจของตัวเองเล็กๆ ค่อยๆสร้างชื่อเสียง สร้างฐานลูกค้า สร้างคอนเน็คชั่น หาประสบการณ์ระหว่างทำงานประจำ ลองผิดบ้างถูกบ้าง ไม่ต้องมาเสี่ยงดวงแบบนาย A ว่า ธุรกิจจะไปรอดหรือไม่ เพราะถ้าไม่รอด ก็ยังมีงานประจำรองรับ มีเงินให้ใช้ทุกเดือน มีเพื่อนคอยถามสารทุกข์สุกดิบ และเมื่อเวลานั้นมาถึง ธุรกิจเริ่มอยู่ตัว นาย B จึงตัดสินใจลาออก เพื่อที่จะได้มาดูแลธุรกิจเต็มตัว โดยมีเพื่อนร่วมงานและหัวหน้าแสดงความยินดีด้วย…
(กรณีนาย B อยากมีธุรกิจส่วนตัวระหว่างทำงานประจำ สิ่งที่ทำต่างจากนาย A คือ ฝึกซ้อม ฝึกฝน ฝึกปฎิบัติ อดทน แบ่งเวลาหลังเลิกงานปั้นธุรกิจให้สำเร็จ เริ่มจากเล็กๆ อะไรที่ลงมือทำได้ทันที ทำไปก่อน สำเร็จทีละขั้น แล้วต่อยอดขึ้นไปทีละ Step เวลาที่คนอื่นดูละคร เราสร้างอนาคต เวลาที่คนอื่นสร้างอนาคต อนาคตเราก็สำเร็จแล้ว จะนอนตีพุงดูละครกี่เรื่องก็ได้ ไม่มีใครว่า)
ธุรกิจที่คุณเริ่มต้นได้ แม้ในวันที่ทำงานประจำ
- บริการออกแบบเว็บไซต์ โปรโมทเว็บไซต์ เขียนเกมส์ขาย
- บริการทำความสะอาด บริการล้างรถ บริการตัดหญ้า
- บริการแปลบทความ รับเขียนบทความ (ไทย อังกฤษ จีน)
- ขายสินค้า ซื้อมาขายไป ออนไลน์ ออฟไลน์
- นายหน้าออนไลน์ Affiliate , Pre-Order , Dropship
- กราฟฟิกดีไซน์ รับออกแบบโลโก้ โบรชัวร์ นามบัตร ลายเสื้อยืด
- รับสอนพิเศษสารพัดวิชา รับพิมพ์งานไทย-อังกฤษ
- รับวาดรูปล้อเลียน รูปเหมือน รูปการ์ตูนสติ๊กเกอร์ LINE
- บริการงานช่างครบวงจร ประปา ไฟฟ้า ทาสี ปูกระเบื้อง
- รับทำ Presentation งานแต่งงาน พิธีกรงานแต่งงาน
- บริการนวดหน้าเดลิเวอรี่ , บริการแต่งหน้านอกสถานที่
- บริการรับฝากสัตว์เลี้ยง รายวัน / รายเดือน
- รับดูดวงไพ่ยิปซี , รับออกแบบเบอร์มงคล
แนวทางการเริ่มต้นธุรกิจ
คนทั่วไป – หาธุรกิจก่อน หาทุน หาสินค้า หาลูกค้า หาตลาด หาความรู้
หลายคนติดที่ หาทุน หาทุนไม่ได้ ก็ล้มเลิก พับโปรเจกต์ กลับไปทำงานประจำต่อดีกว่า…
นักธุรกิจ – คิดสวนทางกับคนทั่วไป
นักธุรกิจ – หาลูกค้าก่อน หาปัญหาของลูกค้า หาวิธีตอบโจทย์ลูกค้า
หาทางเริ่มต้นให้เร็วที่สุด ระดมทุนเท่าที่จะหาได้ ลุยก่อนไม่รอให้พร้อม ผิดก็แก้ไข ใช่ก็ไปต่อ จัดเต็ม !!
6. กลยุทธ์การตลาด 8P’s
ถ้าเปรียบกลยุทธ์การตลาดเป็นอาวุธ หอก ดาบ โล่ห์ ระเบิด ธนูไฟ ชุดเกราะ นักรบทุกคนควรเลือกใช้อาวุธให้เหมาะกับสถานการณ์และข้าศึกในสนามรบ เช่นเดียวกัน หากต้องการเป็นผู้ชนะในเกมธุรกิจต้องศึกษาคู่แข่ง วางกลยุทธ์การตลาดให้ดี รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้ง จึงชนะร้อยครั้ง
1. Product – ผลิตสินค้า พูดง่ายๆคือ ถ้าคุณจะทำธุรกิจอะไรก็ตาม ขอให้ผลิตสินค้าให้ดีที่สุด ถ้าเป็นบริการ บริการลูกค้าให้ประทับใจที่สุด จนอดไม่ได้ต้องบอกต่อ ดีที่สุดไม่ใช่ว่าดีจนไม่ต้องพัฒนาอะไรอีกเลย แต่ดีในที่นี้ผมหมายถึง ดีที่สุดที่คุณจะทำได้ในเวลานี้ ด้วยเงินทุน ความรู้ ทรัพยากรที่คุณมี เอาออกมาใช้ให้เกิดประสิทธิภาพที่สุด
2. Price – กำหนดราคาขาย สำรวจคู่แข่งของคุณในตลาด อย่างน้อย 3 ราย เขากำหนดราคาขายเท่าไหร่ หาช่องว่างของราคาให้เจอ แล้วนำเสนอธุรกิจคุณลงไป ราคาแพงไม่ได้หมายความว่าจะขายได้เสมอไป ถ้าลูกค้ายังมองไม่เห็นถึงคุณค่าที่จะได้รับ ราคาถูก ก็ไม่ได้หมายความว่าจะขายดีเสมอไป ถ้าลูกค้ามองว่าถูกเกินไปจนไร้คุณค่า
การกำหนดราคามี 3 รูปแบบ
- กำหนดราคาจากส่วนต่างต้นทุนกำไร ขายแล้วคุ้มทุน คุ้มค่าแรง คุ้มค่าเหนื่อย
- กำหนดราคาจากคู่แข่งในตลาด สำรวจราคาตลาด หาช่องว่างราคาของคู่แข่ง
- กำหนดราคาจากคุณค่าของสินค้า Make to Order แฮนด์เมค Limited Edition ออกแบบให้เฉพาะบุคคล มีชิ้นเดียวในโลก
3. Place – สถานที่ ช่องทาง จะขายที่ไหนดี ขายยังไง ขายเองหรือให้คนกลางช่วยขาย คิดง่ายๆ (แต่อย่ามักง่าย) เงินอยู่ไหน ? เงินอยู่กับคน แล้วคนอยู่ที่ไหน คนอยู่ตามแหล่งชุมชน แหล่งท่องเที่ยว แหล่งค้าขาย เลือกสถานที่ที่เหมาะสำหรับสินค้าของคุณ อย่าบอกว่า ทุกคนคือลูกค้าของคุณ ถ้าคุณคิดแบบนั้น แปลว่า คุณยังไม่รู้ว่าลูกค้าของคุณ คือใคร หาให้เจอ เจอแล้วจัด (ผมหมายถึง …จัดหาสินค้าไปขายครับ)
4. Promotion – จัดโปรโมชั่นอัพยอดขาย ลด แลก แจก แถม จับคู่ ซื้อ 1 แถม 1 เพื่อนแนะนำเพื่อน ซื้อเยอะได้ส่วนลดเยอะ จองก่อนลด 20 % จัดโปรโมชั่นระยะสั้น สลับกับระยะยาว สุ่มจับรางวัล สะสมแลกของรางวัล สาธิตสินค้า กลยุทธ์อะไรก็ได้ที่ทำให้ยอดขายสูงขึ้น ตัวแทนขายของได้ง่ายขึ้น (ลูกค้าจะจ่ายเงินให้คุณมากขึ้น ถ้าคุณสามารถแสดงให้เขารู้สึกได้ว่า สินค้า/บริการนั้น มันคุ้มค่ามากกว่าเงินที่จ่ายไป)
5. Package – แพ็คเกจดี ช่วยดึงดูดความสนใจลูกค้า คู่ค่า เปรียบเสมือนการตะโกนบอกลูกค้าว่า หยิบฉันไปสิ ฉันมีคุณค่ากับคุณ ฉันโดดเด่น ฉันให้คุณได้มากกว่า
- สาหร่ายเถ้าแก่น้อย ถูก 7-11 ปฏิเสธในช่วงเริ่มต้นธุรกิจเพราะแพ็คเกจไม่โดน หลังจากเปลี่ยนแพ็คเกจใหม่ ยอดขายถล่มทลาย
- ผลไม้อบแห้ง ขายไม่ได้ราคา เปลี่ยนแพ็คเกจใหม่ เป็นรูปทุเรียน รูปเมลอน รูปขนุน เน้นตลาดส่งออก ยอดขายทวีคูณ 2-3 เท่า
- หนังสือ ปกไม่สวย แปลห่วย ยอดขายตก เปลี่ยนปกใหม่ แปลใหม่ ให้คำนิยมโดยนักเขียนชื่อดัง ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า ติดอันดับ Product Bestseller
6. Pretty – พริตตี้ หลายคนไม่เข้างาน ถ้างานนั้นไม่มีพริตตี้ คุณลองนึกภาพดูว่า ถ้างาน Motor Show ไม่มีพริตตี้ มีแต่รถยนต์จอดแห้งๆ เสียงแอร์ดัง พอๆกับเสียงคนเดิน จะมีคนไปเดินดูงานเหมือนปัจจุบันนี้หรือไม่ ธุรกิจยุคปัจจุบันกับพริตตี้กลายเป็นของคู่กัน ยิ่งเป็นของสวยๆงามๆขาดไม่ได้ต้องมีพริตตี้ควบคู่ไปด้วย แต่ไม่ได้หมายความว่าทุกธุรกิจจะต้องใช้พริตตี้ ถ้าคุณจะเลือกใช้พริตตี้ ควรเป็นการสร้างสีสันให้สินค้าของคุณ ให้งานของคุณจะเหมาะกว่า
- พริตตี้งานเครื่องเสียงรถยนต์
- พริตตี้งานประมูลป้ายทะเบียนเลขสวย
- พริตตี้พรีเซนต์สินค้า ขายสินค้า ชวนเล่นเกมส์
- พริตตี้ล้างรถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์
- พริตตี้ถ่ายแบบพรีเซนต์สินค้า Facebook Instagram LINE
7. Personal Branding — ทำตัวให้ดัง แล้วตังค์วิ่งตาม วิธีที่จะทำให้ธุรกิจของคุณประสบความสำเร็จก็คือ ต้องทำให้ตัวคุณเองเป็น ‘แบรนด์’ ทำให้โลกรู้ว่า คุณคือใคร ทำธุรกิจอะไร จุดขายของคุณคืออะไร ถ้าบอกข้อความนี้ สโลแกนนี้ ผู้คนรู้ได้ทันทีว่าเป็นคุณ หาแนวทางของตัวเองให้เจอ หาจุดเด่นในตัวคุณ ค้นเจอแล้วทำให้โลกรู้ว่า คุณแตกต่างและดีกว่าในตลาดอย่างไร
ตัวอย่างข้อความต่อไปนี้ คุณคิดถึงใคร…
- ผู้กำกับภาพยนตร์แอ็คชั่น ‘องค์บาก ต้มยำกุ้ง’
- วาทยากรระดับโลก ผู้แต่งหนังสือ ต้องเป็นที่หนึ่งให้ได้
- นักเขียน Bestseller ฉันเปลี่ยน เพราะเขียนเป้า
- เจ้าของและผู้ดำเนินรายการ ‘อายุน้อยร้อยล้าน’
- เจ้าของแฟนเพจ The CEO Blogger
วิธีสร้างแบรนด์ คือ โพสต์บทความ คลิปวิดีโอ แบ่งปันคุณค่ากับผู้คนสม่ำเสมอ สร้างฐานแฟนของตัวเอง เสนอหน้าในงานสัมมนา สร้างคอนเน็คชั่นกับคนมีชื่อเสียง ผลิตสินค้าที่สร้างคุณค่ากับคนจำนวนมาก วิธีเหล่านี้จะเป็นการสร้างแบรนด์ให้กับคุณได้เป็นอย่างดี
8. Power of Social Media – พลังของโซเชียลมีเดีย สมัยก่อนถ้าคุณอยากรู้จักใครสักคน อยากติดตามเรื่องราว ความคิด การใช้ชีวิต การทำธุรกิจ คุณต้องรอดูรายการทีวี รออ่านบทสัมภาษณ์ในนิตยสาร หรือ อ่านหนังสือเล่มของคนๆนั้น ตัดกลับมายุคปัจจุบัน มันง่ายมากเพียงปลายนิ้วสัมผัส คลิกไม่กี่คลิก พิมพ์ไม่กี่ครั้ง คุณก็สามารถติดตามเรื่องราว ผลงาน ความคิด ชีวิตของคนๆนั้นได้ทันที สิ่งที่ผมกำลังจะบอกคุณก็คือ จงใช้พลังของเทคโนโลยีสมัยนี้ให้เป็นประโยชน์ ให้ต่อยอดความคิด ธุรกิจ ชีวิตคุณให้มากที่สุด
นั่นทฤษฎี นี่ปฎิบัติ
ลืมขบวนการเพาเวอร์เร็นเจอร์ 8P’s ด้านบนไปให้หมด ผมเขียนให้อ่านเล่นๆ
ผมจะยุบรวมแบบข้าวต้มมัดให้อ่านกันแบบง่ายๆ เน้นอร่อยเต็มคำกันเลยทีเดียว…
1. คุณต้องสร้าง ‘แบรนด์’ ให้ตัวเอง (สำคัญที่สุด) แบรนด์จะทำให้คุณแซงหน้าคนทั่วไปแบบไม่เห็นฝุ่น ผมชอบประโยคที่ว่า …ถ้าคุณขายตัวเองได้ คุณขายอะไรก็ได้… ความหมายของประโยคนี้ก็คือ ‘การสร้างแบรนด์’
2. ความรู้ของคุณมีอะไรบ้าง ไม่ต้องถึงขนาดกูรูขั้นเทพ เอาแค่รู้มากกว่าคนอื่นนิดนึงก็ยังดี แบ่งปันมันออกมา ยกตัวอย่างคุณหมอท่านนึง อยากเขียนหนังสือลดน้ำหนัก ทำยังไง ในตลาดมีหนังสือลดน้ำหนักเต็มไปหมด สิ่งที่คุณหมอท่านนั้นทำแตกต่างและดีกว่าก็คือ ทำคลิปแนะนำการลดน้ำหนัก บอกเล่าเคสตัวอย่างที่เคยให้คำปรึกษาการลดน้ำหนักจนสำเร็จ ให้ความรู้แบบไม่มีกั๊ก
ถ้าคุณอยู่ระหว่างอยากลดน้ำหนักพอดี ลองมาหลายวิธีแล้ว แต่ลดไม่ได้ ลดแล้วก็กลับมาอ้วนอีก บังเอิญคุณมาดูคลิปนี้เข้าแล้วนำเอาเทคนิคไปใช้ ปรากฏว่า มัน Work มัน Cool มันได้ผล คุณจะเริ่มอยากรู้จักแล้วว่า หมอคนนี้เป็นใคร อยู่ที่ไหน ถ้าเป็นไปได้ คุณอยากไปปรึกษาโดยตรงกับคุณหมอท่านนั้นให้เร็วที่สุด และถ้าคุณหมอแนะนำผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในการลดน้ำหนักแบบปลอดภัย ธรรมชาติ 100 % รับรองได้ว่า คุณไม่พลาดสินค้าชิ้นนั้นแน่นอน เห็นภาพหรือยังครับว่า… การสร้างแบรนด์ มันเจ๋งขนาดไหน
“ แบ่งปันคุณค่าออกไป ด้วยความรู้ ผู้คนจะคืนกลับมา ด้วยเงินทอง “
3. เมื่อแบรนด์เป็นที่รู้จัก ผู้คนจะถามหาว่า คุณมีสินค้าจำหน่ายหรือไม่ สินค้าที่ช่วยทำให้ชีวิตเขาง่ายขึ้น ดีขึ้น มีความสุขมากขึ้นมีไหม ช่วยทำออกมาขาย แล้วเอาเงินฉันไปด้วยเถอะ กฎธรรมชาติของเงิน มักจะไหลไปหาผู้ที่สร้างคุณค่าเสมอ แปลว่า คุณสามารถกำหนดราคาได้ ถึงแพงกว่า คนก็ยอมจ่าย เพราะคุณค่าที่คุณมอบให้มันเกินราคา มันคุ้มค่าที่ลูกค้าได้รับ
ถ้าต้องเลือกกลยุทธ์การตลาดมาแค่ 1 ตัว P ตัวเดียวที่สำคัญที่สุดก็คือ ‘Product’
Product ที่ว่าคนละความหมายกับ Product ในบทความก่อนหน้านี้ แต่ผมหมายความว่า Product ทุกอย่างที่บ่งบอกความเป็นตัวคุณ ผลิตออกมาให้ดีที่สุด
- ผลิต Content ต้องเป็น Content ที่มีคุณค่า ดีจนต้องแชร์รัวๆ
- ผลิตสินค้า ต้องเป็นสินค้า โคตรดี ดีจนต้องบอกตัวเองว่า ไปอยู่ไหนมา ถึงไม่รู้มันดีขนาดนี้เนี่ย พระเจ้าจอร์จ
- ผลิตวิดีโอคลิป ต้องสร้างให้เป็นคลิป Viral ดูแล้วดูอีก เป็น Talk of the Town
- ไปงานสัมมนา ไปร่วมงานต่างๆ แต่งตัวให้ดูดี เสื้อผ้า หน้าผม ให้ดูเป็นมืออาชีพ
ทำให้ผู้คนประทับใจตั้งแต่แรกเห็น เพราะตัวคุณก็คือ ‘แบรนด์สินค้า’ และคุณกำลังขายแบรนด์นั้นอยู่ ขายภาพลักษณ์ ขายความมั่นใจ ขายความน่าเชื่อถือ ขายความเป็นมืออาชีพ OK!
ทุกครั้งที่คุณทำการตลาดออกไป ควรนำผลลัพธ์กลับมาประเมินทุกครั้งว่า ได้ผลหรือไม่ ควรปรับปรุงอะไร อะไรดี อะไรทำได้ดีกว่านี้อีก ข้อเสนอแนะของลูกค้ามีอะไรบ้าง ปรับปรุง เปลี่ยนแปลง พัฒนาอยู่เสมอ จะทำให้ธุรกิจของคุณเติบโตได้ในอนาคต
7. จัดหาทีมงาน
ทีมงานที่ดีที่สุด ที่จะอยู่กับคุณไปตลอดชีวิต เขาก็คือ “ตัวคุณเอง” ในช่วงเริ่มต้นธุรกิจ ถ้าเงินทุนคุณไม่หนาพอ ทางบ้านไม่มีกิจการให้สืบทอด คุณเป็นประเภทที่ว่า สร้างเอง ไม่มีแต้มต่อ การจัดหาทีมงานในช่วงเริ่มต้นยังไม่จำเป็น ทีมงานจะจำเป็นก็ต่อเมื่อ ธุรกิจของคุณต้องอาศัยความเชี่ยวชาญ ความสามารถของคนอื่นเข้ามาช่วย ในการทำงานนั้นให้สำเร็จ
ตัวอย่างเช่น…
ถ้าคุณเปิดร้านหมูกระทะ
- คุณต้องอาศัยเด็กเสิร์ฟ มาช่วยดูแลลูกค้า ต้อนรับลูกค้า บริการทุกระดับประทับใจ
- คุณต้องอาศัยพนักงานเตาไฟ ทำหน้าที่จุดเตาไฟให้ร้อน แล้วยกมาวางบนโต๊ะให้ลูกค้า
- คุณต้องอาศัยพนักงานล้างจาน จัดการกองทัพถ้วยจานชามให้สะอาดสะอ้าน
- คุณต้องอาศัยพนักงานส่งของ ถ้าคุณมีบริการหมูกระทะเดลิเวอรี่
สิ่งที่ผมแนะนำคือ…
เริ่มต้นสร้างธุรกิจที่มีพนักงานเพียงคนเดียวคือ คุณ หลายคนอาจจะถามมันเป็นไปได้ด้วยหรือ คงมีแต่ในหนังสือล่ะมั้ง หรืออาจจะทำได้เฉพาะต่างประเทศมากกว่า ก็มัวแต่สงสัย คนอื่นเขาเลยสร้างธุรกิจกันไปไกลถึงไหนแล้วครับ นักธุรกิจในวงการหลายคน ยอดขายเป็นสิบล้าน ร้อยล้าน บางคนมีพนักงานคนเดียวคือ ตัวเอง สาเหตุที่เขาทำได้ มี 3 วิธีที่ช่วยทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จคือ…
1. ใช้ทีมงาน Outsource ทำงานแทนในส่วนที่คุณไม่ถนัด ทำบัญชี ทำการตลาด ส่งสินค้า หรือ ทำให้คุณประหยัดเวลาได้มากกว่า แล้วคุณเอาเวลาที่เหลือ ไปทำในสิ่งที่คุณถนัด ให้เกิดผลลัพธ์มากที่สุดแทน
2. ค้นหาทีมงาน ร่วมหัวจมท้าย แล้วยื่นข้อเสนอแบบ Profit sharing ผลกำไรที่เกิดการทำธุรกิจ แบ่งกันทั้งทีม ตามสัดส่วนที่กำหนด
3. ค้นหา Distributor ตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ ออนไลน์ ออฟไลน์ เทรนนิ่งให้ตัวแทนเหล่านั้น กลายเป็นมืออาชีพในสินค้าและบริการของคุณ
(*หมายเหตุ : กิจการดูแลคนเดียว ณ ปัจจุบัน เหมาะสำหรับบางธุรกิจเท่านั้น ในอนาคตหากเรามี Outsource มืออาชีพ ทุกฝ่าย ทุกแผนก ให้บริการครบวงจร ไม่แน่ทุกกิจการในอนาคต อาจบริหารจัดการด้วยคนเพียงคนเดียวก็เป็นได้ แต่คุณไม่จำเป็นต้องรอ จริงไหม คุณก็สำรวจดูว่า ธุรกิจอะไร ที่ตอบโจทย์คุณได้มากที่สุด ณ เวลาปัจจุบัน เริ่มได้เลยครับ)
8. ทุนทำธุรกิจ
หลายคนบอกว่าต้นทุนชีวิตคนเราไม่เท่ากัน ถูกต้องครับ ว่าแต่ต้นทุนชีวิตคนเราเท่ากันตอนไหน ถ้าวันนี้คุณเกิดมาแล้วสามารถอ่านบทความนี้ได้ คุณมีต้นทุนมากกว่าคนอื่นแล้วล่ะครับ
- คนตาดี มีต้นทุนมากกว่า คนตาบอด
- คนมีแขนขา มีต้นทุนมากกว่า คนไร้แขนขา
- คนได้เรียนรู้ มีต้นทุนมากกว่า คนขาดโอกาสในการเรียนรู้
- คนเกิดมาครบ 32 ประการ มีต้นทุนมากกว่า คนเกิดมามีร่างกายไม่สมบูรณ์
- คนมีบ้านมีที่ซุกหัวนอน มีต้นทุนมากกว่า คนไร้บ้านที่นอนข้างถนน
วันนี้ชีวิตคุณมีต้นทุนมากกว่าคนอื่นหรือยังครับ ถ้ามีแล้ว ลงมือทำให้มีเพิ่มมากขึ้น ถ้ายังไม่มีหรือรู้สึกว่าขาด ยิ่งต้องรีบลงมือทำ เพื่อให้มีชีวิตที่ดีกว่า คนที่ดูถูกคุณวันนี้ให้ได้
มนุษย์ป้าที่ผมกล่าวไว้ตอนเปิดเรื่อง ยังคงตามมาหลอกหลอนอีกเช่นเคย …บ่นต่ออีกว่า ทำงานมาตั้งนาน ไม่มีเงินเก็บสักบาท อยากทำธุรกิจของตัวเอง แต่ไม่รู้จะเอาทุนมาจากไหน รถก็ต้องผ่อน จน เครียด กินจุ !! …
วิธีหาเงินทุนทำธุรกิจ
1. ทุนจากเงินเดือน …เงินเดือนออกปุ๊บ หัก 10 % ทันที เข้าโครงการ “นายตัวเอง”
สมมติเงินเดือน 20,000 บาท หัก 10 % = 2,000 บาท เข้าบัญชี “นายตัวเอง”
ออมได้ 1 เดือน 2,000 x 1 = 2,000 บาท (ยากจัง ไม่ชิน กลัวอดใจไม่ได้)
ผ่านไป 1 ปี 2,000 x 12 = 24,000 บาท (ไม่อยากจะเชื่อ ทำได้ไง)
ผ่านไป 2 ปี 2,000 x 24 = 48,000 บาท (ออมต่อ ครึ่งแสนแล้ว)
ผ่านไป 3 ปี 2,000 x 36 = 72,000 บาท (ต้องทำให้ได้ อดใจไว้)
ผ่านไป 4 ปี 2,000 x 48 = 96,000 บาท (มุ่งมั่นมาก พี่จัดเต็ม)
ผ่านไป 5 ปี 2,000 x 60 = 120,000 บาท (เงินทุนก้อนแรก สำเร็จ !)
2. ทุนจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ …ปรกติบริษัทเอกชนจะหักเงินเดือนทุกเดือน เข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ และเมื่อคุณลาออก คุณจะได้เงินก้อนเพื่อมาตั้งตัวทำธุรกิจ แต่คุณต้องดูว่าอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่บริษัทกำหนดหรือไม่ บางบริษัทต้องอายุงาน 1-5 ปีขึ้นไป หรือ บางคนลาออกมาแล้ว ยังไม่ได้รับเงินจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ บางคนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าได้ด้วยหรือ
ผมแนะนำ รีบติดต่อฝ่ายบุคคลด่วนเลยครับ เพื่อรักษาผลประโยชน์ของตัวคุณเอง เงินส่วนนี้จะโอนเข้าบัญชีเงินเดือนของคุณหลังจากที่คุณลาออกมาแล้วประมาณ 1-2 เดือน หรือตามระยะเวลาที่บริษัทกำหนด
(*กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ : เงินส่วนนี้ไม่ได้รับการเสียภาษีในขณะที่คุณทำงานบริษัท และหากคุณทำงานจนเกษียณ คุณจะได้เงินก้อนนี้มาโดยไม่เสียภาษี แต่หากคุณลาออกและต้องการถอนเงินส่วนนี้ออกมาด้วย คุณต้องศึกษาให้ดีว่า คุณจะต้องเสียภาษีเพิ่มเท่าไหร่)
3. ทุนจากการใช้เงินคนอื่น …ปัจจุบันคุณสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนเพื่อประกอบธุรกิจได้หลากหลายช่องทางเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นธนาคารพาณิชย์ บริษัทเอกชน (Non-Bank) โดยใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน ได้แก่ อสังหาริมทรัพย์ รถยนต์ รถจักรยานยนต์ หรือไม่ใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน เป็นสินเชื่อส่วนบุคคล สิ่งที่คุณควรพิจารณา คือ อัตราดอกเบี้ย ระยะเวลาในการผ่อนชำระ ค่าธรรมเนียม เบี้ยปรับ เงื่อนไขต่างๆของบริษัท
ตัวอย่างเช่น
- อัตราดอกเบี้ย สินเชื่อมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน ร้อยละ 1-3 % ต่อเดือน
- อัตราดอกเบี้ย สินเชื่อไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน ร้อยละ 28-36 % ต่อปี
พิจารณาว่า รายได้ที่คุณหาได้ในแต่ละเดือน สอดคล้องกับความสามารถในการชำระเงินคืนหรือไม่ เพราะถ้าคุณชำระล่าช้า หรือเลยวันครบกำหนดชำระงวด คุณต้องเสียค่าปรับพร้อมกับค่างวดด้วย หากคุณพิจารณาไตร่ตรองแล้ว เห็นโอกาสทางธุรกิจที่สามารถชำระเงินคืนตามระยะเวลาที่กำหนดได้ จะรออะไร จัดไป…
4. ทุนจากโครงการสนับสนุน Startup
- AIS The Startup 2015 ประกวดชิงเงินรางวัล 1 ล้านบาท
- 500 Tuktuks กองทุนส่งเสริมสตาร์ตอัพคนไทย
ไอเดีย คือ เงินสกุลใหม่ของโลก ไอเดียคุณขายได้ และมีคนพร้อมที่จะซื้อไอเดียของคุณ ถ้าไอเดียนั้นเจ๋งจริง ผมกำลังพูดถึง กองทุนสนับสนุนธุรกิจ Startup ถ้าคุณต้องการทำธุรกิจ หรือทำไปบ้างแล้ว แต่ยังติดเรื่องเงินทุนสนับสนุน ที่ปรึกษา หรือนักลงทุน
ยุคนี้โอกาสทองของคุณมาถึงแล้วครับ เพียงแค่คุณทำให้ได้เพียง 3 ข้อต่อไปนี้ มีโอกาสสูงที่ธุรกิจคุณจะไปเข้าตานักลงทุนครับ 1. Business Model มีอนาคต เติบโตได้ รองรับเทรนด์ยุคใหม่ 2. Product ตอบโจทย์ตลาด มีฐานลูกค้าเป็นของตัวเอง 3. มีทีมงานมืออาชีพ ฝ่ายออกแบบ การบริหาร การผลิต (อย่างน้อยต้องมีมากกว่า 1 คน) ไปใกล้ไปคนเดียว ไปไกลไปด้วยกัน จริงที่สุด…
Business Model ที่กองทุนสตาร์ตอัพให้ความสนใจ
- ธุรกิจเกี่ยวกับอินเตอร์เน็ท , เทคโนโลยี , Marketplace , E-commerce , แอพพลิเคชั่น
- ถ้าคุณต้องการหาไอเดียทางธุรกิจ ให้คุณไปดูธุรกิจต่างประเทศ ธุรกิจอะไรบ้างที่ประสบความสำเร็จแล้วเอาโมเดลนั้นมาบุกตลาดไทย เอามาปรับเปลี่ยนให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคนไทย ก็มีโอกาสประสบความสำเร็จได้ เช่น Ookbee , Wongnai , Priceza เป็นต้น
5. ทุนจากการแปรของในบ้านเป็นทุน …ไม่ต้องทำหน้า งง & งก เลยครับ ผมรู้ว่าคุณกำลังคิดไม่ตก รักพี่เสียดายน้อง สำรวจในตู้เสื้อผ้าดูว่า มีอะไรเอาไปเปิดท้ายขายของได้บ้าง เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า หมวก เฟอร์นิเจอร์ ผ้านวม เสื้อผ้าเด็ก มีอะไรบ้างที่ไม่ได้ใช้แล้ว หรือมันทำให้บ้านรกเป็นรังหนู จะเก็บเอาไว้ทำไมล่ะครับ จัดการแปลงสินทรัพย์เป็นทุนไปเลย นอกจากคุณจะได้เคลียร์ของในบ้านแล้ว คุณยังได้เงินทุนมาทำธุรกิจอีกด้วย เมื่อไหร่ที่คุณซื้อของที่ไม่จำเป็น ภายในเวลาไม่นานคุณต้องขายของ เพราะความจำเป็นในชีวิต…
ตลาดปล่อยของได้แก่…
- ตลาดนัดเปิดท้ายขายของใกล้บ้าน
- เว็บไซต์ Kaidee.com (ตลาดของมือสอง)
- ร้านซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้า (ซ่อมแล้วเอาไปขายต่อกำไรงาม)
9. สร้างความน่าเชื่อถือให้ธุรกิจคุณ
การสร้างความน่าเชื่อถือ นำมาซึ่งการตัดสินใจซื้อสินค้าและบริการ ไม่ว่าจะทำธุรกิจอะไรความน่าเชื่อถือเป็นกำแพงด่านแรกที่ลูกค้าจะตัดสินคุณ ว่าจะเป็นลูกค้าชั่วคราวหรือเป็นลูกค้าประจำหรือไม่ ถ้าคุณทำธุรกิจ คุณต้องทำให้ธุรกิจน่าเชื่อถือมากที่สุด
วิธีสร้างความน่าเชื่อถือให้ธุรกิจของคุณ (กรณีธุรกิจออนไลน์)
- สร้างแฟนเพจ ตกแต่งด้วยรูปภาพคมชัดที่สุด มีโลโก้เป็นเอกลักษณ์
- ตั้งชื่อให้จำง่าย อ่านแล้วรู้ทันทีว่า คุณทำธุรกิจอะไร
- แจ้งเบอร์ติดต่อ ที่อยู่ แผนที่ร้านให้ครบถ้วน
- Timeline Cover ลงช่องทางติดต่อให้มากที่สุด LINE , Youtube , Website , Instagram
- โพสต์รูปเจ้าของร้าน สินค้า รายละเอียด ราคา กี่สี กี่แบบ
- แจ้งโปรโมชั่นประจำเดือนอย่างสม่ำเสมอ มีเวลาหมดเขต
- โพสต์รูปใบทะเบียนพาณิชย์ , ใบขออนุญาตต่างๆ
- โพสต์รูปส่งของไปรษณีย์ บิลส่งของ (ส่งจริง อย่าก๊อปคนอื่นมา)
- โพสต์รีวิวของลูกค้า สินค้าใช้แล้วดี ได้รับของแล้ว รูปก่อนใช้ หลังใช้
- ทำเว็บไซต์ควบคู่กับแฟนเพจ แนะนำให้ใช้โดเมนเนมลงท้าย .com ดีที่สุด
- สร้างฐานลูกค้า สร้างแคมเปญร่วมสนุกให้ลูกค้า กดไลค์ คอมเม้นต์ แชร์ เพื่อรับสิทธ์
- สร้างแบบฟอร์มสั่งซื้อ แบบฟอร์มแจ้งชำระเงิน เพิ่มความน่าเชื่อถือ
- (แถม) สวมหัวใจพ่อค้า แม่ค้าอารมณ์ดี ถามปุ๊บตอบปั๊บ ถามมาตอบได้หมด ปิดขายแบบเนียนๆ
10. ได้เวลาออกจากงานของคุณ
ถ้าคุณมาถึงข้อนี้ได้ (หมายถึงลงมือทำ ไม่ใช่อ่านจบแล้วไม่ลงมือทำ ไม่สำเร็จนะครับ) ถามตัวเองอีกครั้งว่า คุณอยากลาออกจริงๆหรือเปล่า หรือเป็นอารมณ์เบื่องาน บ้านไกล เซ็งเพื่อนร่วมงาน ไม่พอใจหัวหน้า เงินเดือนน้อย ท้อแท้ ยอดตก ทำยอดไม่ถึงเป้า
งานกดดัน เครียด โดนบีบรัดจนหายใจไม่ออก งานที่ทำไม่มีอนาคต ไม่มั่นคง ไม่ตอบโจทย์ชีวิตคุณ หรือ…เสียงหัวใจคุณเรียกร้อง อยากออกมาเป็นนายตัวเองแบบเต็มตัว เพื่อดูแลธุรกิจของคุณได้เต็มที่ ถ้าคุณตอบคำถามของตัวเองจนเคลียร์แล้ว ทางเดียวที่จะตอบโจทย์ก็คือ ลาออก…
3 คุณสมบัติของคนที่ลาออกแล้วไปรอด
1. หาเงินเก่ง …คุณมองอะไรรอบตัว เห็นเป็นโอกาสทำเงินมากกว่าที่จะนั่งทำงานในออฟฟิศแบบเดิมๆ รายได้ที่คุณหาได้มากกว่าเงินเดือนประจำ 2-4 เท่า เจอลูกค้ารายเล็ก รายใหญ่คุณนำเสนอตัวเองเป็น ปิดดีลได้ ชวนนักธุรกิจมาร่วมโปรเจกต์ใหญ่แบบ Win-Win
2. เก็บเงินอยู่ …คุณต้องหาเงินเก่ง ถึงจะมีเงินเก็บ ถ้าหาเงินไม่เก่ง แล้วจะเอาเงินที่ไหนมาเก็บ คุณควรแบ่งเงินที่หามาได้เป็น 5 ส่วน 1. ค่าใช้จ่ายทั่วไป 2. เงินออม 3. เผื่อฉุกเฉิน 4. ท่องเที่ยว 5. โครงการพัฒนาตัวเอง
ผมอยากให้คุณลองเล่นเกมกับตัวเอง หรือคนในครอบครัว เกมนี้มีชื่อว่า ‘ออมน้อยกว่าแพ้’ กติกาของเกม …ออมเงินใส่กระปุกให้มากที่สุด ควรเน้นเป็นธนบัตรเพื่อให้ง่ายต่อการนับ แข่งออมเงิน ทุก 3 เดือน ใครออมเงินได้มากที่สุด เป็นผู้ชนะ ผู้แพ้ ที่ออมเงินได้
น้อยกว่า ต้องแบ่งเงิน 10 % ของเงินออมของตัวเอง ไปให้คนที่ออมเงินมากกว่าโดยไม่มีข้อแม้ (เหตุที่ทำเช่นนี้เพราะ คุณจะได้รู้ว่า เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณออมเงิน โอกาสที่เงินจะงอกเงยในอนาคตเป็นไปได้สูง ส่วนคนที่ออมเงินได้น้อย โอกาสที่คุณจะถูกดึงเงินไปให้คนอื่น ย่อมมากกว่าถ้าคุณไม่รู้จักการออมเงินที่ถูกต้อง)
3. รู้ช่องลงทุน …ไม่มีนักธุรกิจคนไหน ทำงาน 100 % ด้วยตัวเองไปตลอดชีวิต คุณต้องรู้ช่องลงทุน เรียกว่า ให้เงินทำงานแทน เช่น ออมในหุ้น เงินปันผล กองทุนรวม ปล่อยเช่าคอนโด ให้เช่ารถ ให้เช่าที่ขายของ เช่าอพาร์ทเม้นท์ รายได้ที่เกิดจากสินทรัพย์ หรือ Asset ทางธุรกิจของคุณโดยที่คุณไม่ต้องออกแรงมาก หรือไม่ส่งผลกระทบกับธุรกิจหลักของคุณ ลงทุนไปแล้วทำให้เงินงอกเงย ผลิดอกออกผลให้คุณเก็บไข่ห่านทองคำตลอดทั้งปี ส่วนใหญ่จะเป็นสินทรัพย์ประเภท ค่าเช่า ค่าลิขสิทธ์ แฟรนไซส์ ค่าที่ปรึกษาธุรกิจ ค่าปรับปรุงระบบอัพเกรดซอฟแวร์คอมพิวเตอร์ เป็นต้น
11. ตั้งงบประมาณการลงทุน
ถ้าคุณกำลังเริ่มต้นธุรกิจ หรือธุรกิจกำลังไปได้สวย อย่าลืมกำหนดงบประมาณในการลงทุนแต่ละอย่างไว้ด้วย ถ้าคุณไม่กำหนด และควบคุมให้ดี ทุกอย่างจะจำเป็นหมดทุกอย่าง จนคุณไม่เหลือกำไรไว้กินข้าว เมื่อไหร่ที่คุณก้าวขามายืนในจุดที่เป็นนายตัวเองเต็มตัว
เวลาจะเดินเร็วมาก แปลกแต่จริง วันๆไม่ได้ทำอะไร หมดเวลาอีกแล้ว เดี๋ยวก็เช้า เดี๋ยวก็บ่าย เดี๋ยวก็เย็น เดี๋ยวก็นอน ทั้งๆที่ตอนทำงานประจำ ทำไมเวลาเดินช้าจัง กว่าจะหมดเวลาในแต่ละวัน ดูเวลาแล้วดูอีก กลับมาที่เรื่องงบประมาณกันต่อ คุณต้องกำหนดให้ชัดเจนว่า คุณจะตั้งงบประมาณสำหรับการทำงานในแต่ละส่วนไว้เท่าไหร่
- การผลิต งบประมาณการผลิต กำหนดไว้ไม่เกินเท่าไหร่ อะไรจำเป็น อะไรทดแทนได้
- การตลาด งบประมาณการตลาด เท่าไหร่ถึงเหมาะสม คุ้มค่า น่าลงทุน
- เงินเดือน ค่าขนส่ง ค่าอุปกรณ์สำนักงาน ค่าอุปกรณ์การผลิต ค่าน้ำมันรถ
- ค่าเช่าสถานที่ ค่าบำรุงรักษา ค่าอินเตอร์เน็ท ค่าใช้จ่ายจิปาถะ ฯลฯ
ผมเคยเห็นเถ้าแก่ใหม่ เปิดร้านมานานพอสมควร มีลูกน้องดูแลนับสิบชีวิต แต่ละเดือนมีค่าใช้จ่ายสารพัด เนื่องจากบริหารงานแบบครอบครัว ทั้งค่าใช้จ่ายส่วนตัว ค่าใช้จ่ายบริษัท ผสมปนเปกันไปหมด ไม่ได้แบ่งแยก กำหนดงบประมาณในแต่ละส่วนให้เหมาะสม
สุดท้ายสิ้นเดือน หลังจากจ่ายเงินเดือนลูกน้องเสร็จ ปรากฏว่า ตัวเองไม่เหลือเงินในกระเป๋าแม้แต่จะซื้อข้าวกิน แบบนี้ก็ไม่ไหว ทางแก้คือ ต้องกำหนดงบประมาณในแต่ละส่วนให้ชัดเจน เอาไปใช้อะไร เอาไปทำอะไรบ้าง จัดสรรให้เกิดประโยชน์กับธุรกิจมากที่สุด
สำรวจดูว่าแต่ละเดือนเงินคุณหมดไปกับอะไร
- ลงโฆษณาเยอะเกินไป แต่ผลลัพธ์ไม่เข้าเป้า คุณต้องปรับ
- ค่าใช้จ่ายอุปกรณ์สำนักงานเยอะเกินไป คุณต้องปรับ
- คุณสามารถลดรายจ่ายส่วนไหนได้ไหม ถ้าได้ คุณควรปรับ
- คุณสามารถเพิ่มรายได้ส่วนไหนได้ไหม ถ้าได้ คุณยิ่งต้องปรับ (ด่วน !)
12. ขยายธุรกิจตามเป้าหมายที่คุณวางเอาไว้
มีใครเคยบอกคุณหรือไม่ว่า คำว่า ‘ธุรกิจ’ แท้จริงคือ ‘การเปลี่ยนแปลง’ คุณอ่านไม่ผิด ไม่ว่าคุณจะทำงานประจำ หรือ ก้าวออกมาเป็นนายตัวเอง ธุรกิจคือการเปลี่ยนแปลงเสมอ ไม่มีอะไรที่ทำเหมือนเดิมตั้งแต่วันแรกแล้ว คงอยู่ตลอดไปเป็น 100 ปี กลยุทธ์นี้ใช้ได้
สร้างยอดขายถล่มทลาย อีกธุรกิจดันไปใช้กลยุทธ์เดียวกันกลับล้มไม่เป็นท่า ถ้าคุณเป็นนักธุรกิจเต็มตัว หรือต่อให้ลองก้าวขาข้างหนึ่งเข้ามาในธุรกิจ คุณจะสัมผัสได้ทันทีว่า ธุรกิจคือการเปลี่ยนแปลง วันนี้ขายได้ พรุ่งนี้ขายได้ลดลง เดือนนี้ขายได้ เดือนหน้าเงียบสนิท ปีที่แล้วคู่แข่งยังน้อย ปีนี้คู่แข่งวิ่งชนกันเต็มตลาด พุ่งชนลูกค้าเหมือนปลาปิรันย่า แย่งกินเหยื่อในน้ำ
วางแผนขยายธุรกิจของคุณเอาไว้ด้วย เฟส 1 ทำอะไร เฟส 2 ทำอะไรเพิ่ม เฟส 3 พัฒนาอะไรบ้าง จะทำให้คุณมีเป้าหมายในการขยายธุรกิจอย่างชัดเจน และธุรกิจของคุณควรปรับเปลี่ยนแผนอยู่ตลอดเวลา แผนที่คุณวางไว้ 3 ปี 5 ปี 10 ปี ถึงเวลาจริงๆอาจไม่ได้ใช้ หรือต้องปรับแผนการตลาดใหม่ทั้งหมด เพราะคุณเจอคู่แข่ง เจออุปสรรค นี่แหละเขาถึงเรียกว่า ‘ธุรกิจ’ และถ้าคุณผ่านบททดสอบในแต่ละวัน แต่ละเดือน แต่ละปีไปได้ ขอแสดงความยินดีด้วยครับ ‘คุณคือนายตัวเองเต็มตัว’
คุณจะเห็นได้ว่า การเป็นนายตัวเองนั้นมันไม่ได้ยาก ถ้าคุณทำมันสำเร็จแล้ว แต่มันจะยากตอนที่คุณตัดสินใจลงมือทำ และประคับประคองธุรกิจให้รอดไปได้ในปีแรก ผมไม่มีเคล็ดลับขั้นเทพที่จะบอกคุณวันนี้ แล้วพรุ่งนี้คุณเป็นนายตัวเองได้เลย 100 % สิ่งสำคัญที่ผมจะบอกคุณก็คือ…
“ จงเป็นนายตัวเอง ก่อนเป็นนายตัวเอง ”
เตรียมพร้อมเสมอก่อนที่จะลาออกจากงานประจำ อะไรที่ไม่รู้จงเรียนรู้ มันน่าสนุกตรงที่ คุณได้ทำงานใกล้ชิดกับหัวหน้า หรือ เจ้านาย แล้วเฝ้าดูว่าเวลาเขาเจอปัญหา เจอวิกฤตเขามีวิธีจัดการกับปัญหานั้นยังไง มันน่าสนุกตรงนี้แหละ แล้วถ้าเป็นคุณ คุณจะจัดการกับปัญหาแบบเขาหรือไม่ หรือมีวิธีที่ดีกว่า ถ้าไอเดีย ความคิดสร้างสรรค์ มันสมองของคุณนำเสนอไปแล้ว คุณรู้ว่าวิธีนี้ทำรายได้ให้บริษัทมากกว่า (โดยไม่ผิดกฎบริษัท) แต่ไม่มีใครฟังคุณ แม้แต่หัวหน้า หรือเจ้านาย ผมว่าอาจจะถึงเวลาที่คุณจะแสดงให้พวกเขารู้ว่า เขาคิดผิดแล้วล่ะครับ เพราะไม่มีอะไรจะทำให้คุณมีความสุขมากไปกว่า การได้ทำงานที่ตนเองรักไปตลอดชีวิต…
เจ้านายคุณ คือ ใครครับ…
…เจ้านายผม คือ ผมครับ !!
ขอขอบคุณแรงบันดาลใจของเรา
Credit : Entrepreneur
บทความโดย…