ก่อนอื่นเลยต้องเรียนตามตรงว่า ผมโชคดีมากที่ได้เจอกับเรื่องราวที่กำลังจะนำมาเล่าให้คุณผู้อ่านได้รับกันในวันนี้ เพราะผมรู้สึกว่ามันคือเรื่องจริง ที่สามารถเปลี่ยนกรอบความคิดของคนได้ และที่สำคัญที่สุดคือ
เจ้าสิ่งที่ผมกำลังจะเล่านี้จะเป็นประโยชน์กับคุณผู้อ่านอย่างแน่นอน!! ซึ่งมันทำให้ผมรู้สึกโชคดีอย่างบอกไม่ถูก
ความบังเอิญ
ผมบังเอิญเจอโพสต์หนึ่งที่เขาระบุว่ามีอยู่ 5 คำที่คนจีนสมัยก่อนชอบสอนลูกหลานของตนว่าไม่ควรพูดคำเหล่านี้ เพราะมันจะปิดกั้นความคิด และทำให้ชีวิตแย่ลง
ถึงแม้ผมจะหาที่มา หรือหลักฐานอ้างอิงไม่ได้ว่ามันเป็นเรื่องจริงที่คนจีนสมัยก่อนสอนหรือไม่ แต่อย่างไรก็ตามถือว่าเป็นประโยชน์อยู่ดี
คำสอนของคนจีน
5 คำที่ว่านี้ เราสามารถนำมาประยุกต์ใช้กับตนเองได้ทันที คือ
“ยาก” 难 (หนาน)
“ทำไม่เป็น” 不会做 (ปุ๊ฮุ้ยจั้ว)
“ท้อ” 灰心 (ฮุยซิน)
“ขี้เกียจ” 懒 (หล่าน)
“เหนื่อย” 累 (เล่ย)
มองดูคร่าว ๆ มีแต่คำที่ค่อนไปทางลบ ซึ่งแน่นอนว่าคำพูดที่ลบ จะส่งสัญญาณไปที่สมองให้รู้สึกชีวิตลบเช่นกัน เราไปดูกันว่าแท้จริงแล้วเพราะเหตุใดคำพูดทั้ง 5 ถึงไม่ควรพูดตามคำบอกเล่าของชาวจีน
“ยาก” 难 (หนาน)
คำว่ายากเป็นเรื่องที่เราพูดกันอยู่เป็นประจำ เรื่องนั้นยาก เรื่องนี้ยาก หรือเป็นไปได้ยาก ซึ่งถ้าไม่ได้หมั่นพึงระวังคำพูด คำว่ายากก็อาจจะหลุดออกมาจากปากของเราโดยไม่รู้ตัว
คำว่ายาก จะปิดกั้นความเป็นไปได้ของสิ่งที่คุณกำลังทำในทันที และจะลดความสามารถในการลงมือลงหลายระดับ เพราะสิ่งที่กำลังเผชิญมันยากเกินความสามารถ หรือถ้าไม่เกินความสามารถ ก็ต้องใช้พละกำลังในการเอาชนะเยอะกว่าปกติพอสมควร
ลองคิดกลับกันว่าถ้าแทนที่จะพูดคำว่ายาก เปลี่ยนเป็นคำว่าทำได้ หรือไม่ยากมากเกินไป อาจทำให้รู้สึกไม่เครียด และเอาชนะปัญหาได้ในที่สุด
หรือรู้ว่ายาก แต่ก็ไม่ต้องพูดอะไรมาก เก็บคำว่ายากพึงระลึกไว้ในใจ แล้วเตรียมตัวเตรียมการให้มากกว่าปกติ เพื่อความพร้อมในการเผชิญกับปัญหาอุปสรรค
คำว่ายากนั้นมีข้อดี ถ้าเรานำมาใช้ให้เป็นประโยชน์ เพราะจะไม่ทำให้เกิดความประมาทจนเกินไป
แต่การพร่ำบ่นว่ายากต่างหาก คือการปิดกั้นสมองของตนเองอย่างแท้จริง แทนที่จะพูดว่ายาก ลองเปลี่ยนเป็นคำว่าท้าทายความสามารถดีกว่า
“ทำไม่เป็น” 不会做 (ปุ๊ฮุ้ยจั้ว)
คำว่าทำไม่เป็นนั้นควรเก็บไว้ชั่วคราว ไม่ควรให้คำนี้ยืนหยัดกับชีวิตไปตลอด
แน่นอนว่าไม่มีใครเกิดมาทำเป็นตั้งแต่เกิด หากต้องเรียนรู้พัฒนากันไป คนที่เก่งกว่าคนอื่นไม่ใช่เพราะเขาเก่งมาแต่เกิด เพียงแต่พวกเขาพยายามพัฒนามากกว่าคนอื่น ๆ
ในระยะเวลาเท่ากันคนที่เก่งกว่า ใช้เวลาฝึกปรือพัฒนาความสามารถให้เฉียบคม ไม่ใช่เอาแต่นั่งบ่นว่าทำไม่เป็น
ยิ่งเอาคำว่าทำไม่เป็นมารวมกับคำว่ายาก ยิ่งปิดกั้นสมอง และความคิดเป็นอย่างยิ่ง
ท้ายที่สุดชีวิตจะหยุดนิ่งขาดการพัฒนาจนเหี่ยวเฉาอับจนในชีวิต
“ท้อ” 灰心 (ฮุยซิน)
คำว่าท้อเป็นคำที่ห้ามพูดเวลาที่คุณเจอกับอุปสรรคในชีวิต
คำว่าท้อจะทำให้เกิดความเบื่อหน่ายกับปัญหา รู้สึกว่ามันไม่ไหวแล้ว สู้ต่อไปไม่ได้อีกแล้ว
คนที่ประสบความสำเร็จเขาเกิดความท้อแท้อย่างแน่อน แต่พวกเขาไม่มัวแต่พูดว่าท้อ ทำไม่ไหว แต่เก็บรวบรวมกำลังใจฮึดสู้เอาชนะอุปสรรคไปได้เสมอ
กลับกันคนที่ไม่ประสบความสำเร็จในชีวิต เวลาพวกเขาเจอปัญหา หรืออุปสรรค คำว่าท้อจะแล่นเข้าสู่สมองอย่างรวดเร็ว ถึงแม้ว่าจะลงมือทำไปได้เพียงแค่พริบตาเดียวก็ตาม
ทางที่ดีที่สุดไม่ควรให้คำว่าท้อมาอยู่ในสารบบคำพูดของคุณโดยเด็ดขาด
เวลามีปัญหา หรือเจอเรื่องที่ท้าทายความสามารถให้คิดว่าดี เพราะเป็นการฝึกตนเองให้เก่งขึ้น หรือฝึกจิตใจให้เข้มแข็งขึ้น ต่อไปถ้าเจอเรื่องท้าทายเช่นนี้อีกก็จะไม่เป็นปัญหาอีกต่อไป
พลังใจเป็นสิ่งสำคัญในการเอาชนะอุปสรรคในชีวิต อย่าใช้คำว่าท้อมาตัดกำลังใจของตัวเองโดยที่ยังไม่ได้ลงมืออย่างเต็มที่
“ขี้เกียจ” 懒 (หล่าน)
คุณลองตื่นเช้ามาแล้วพูดประโยคนี้ว่า วันนี้ขี้เกียจจัง คุณจะรู้สึกว่าตนเองขี้เกียจขึ้นทันทีอย่างน้อยในช่วงระยะเวลานั้น
หรือกำลังทำอะไรสักอย่าง แล้วบ่นว่า ขี้เกียจจัง คุณจะรู้สึกได้ว่าสมาธิจะหายไป และอารมณ์ในการลงมือทำจะหายไปเช่นกัน
จะเห็นได้ว่าคำว่าขี้เกียจนั้นอันตรายยิ่งนัก หากใช้บ่อยครั้งจะทำให้ชีวิตดิ่งลงเหวอย่างแน่นอน
คนที่ประสบความสำเร็จโดยเฉพาะชาวจีนแผ่นดินใหญ่ เราจะได้ยินเรื่องราวแห่งความพยายามอุตสาหะ ขยันทำมาหากินเป็นอย่างยิ่ง ทำงานหามรุ่งหามค่ำ เพราะไม่มีต้นทุนในชีวิต มีแต่เพียงเสื่อผืนหมอนใบหอบข้ามน้ำข้ามทะเลมาจากเมืองจีนแผ่นดินใหญ่
คนจีนยุคก่อนรุ่นบรรพบุรุษของเราจึงไม่มีความขี้เกียจอยู่ในเซลล์สมองเลย คนที่สร้างตัวขึ้นมาได้อย่างยิ่งใหญ่ล้วนต้องฝ่าฟันความลำบากมากมาย
หากคุณอยากประสบแต่สิ่งดี ๆ ในชีวิต การลงมือทำอย่างหนักจะเป็นหนทางสำคัญที่จะกรุยทางไปจนถึงเป้าหมายในชีวิตได้ในที่สุด
“เหนื่อย” 累 (เล่ย)
ทำงานหนักย่อมเหนื่อยเป็นธรรมดา แต่คนที่พร่ำบ่นว่าเหนื่อยออกมาจะทำให้พละกำลังของตนเองลดลงในทันที
ชีวิตคนจีนสมัยก่อนต้องพบแต่ความยากลำบาก ไม่ได้ร่ำรวยอู้ฟู่เหมือนอย่างที่เห็นในยุคสมัยนี้ ต้องปากกัดตีนถีบทุกวัน เรื่องเหนื่อยจึงต้องพบเจอเป็นประจำ
แต่พวกเขาเลือกที่จะทำงานต่อไป โดยไม่พูดคำว่าเหนื่อยออกมา หรือถึงแม้จะมีหลุดปากออกมาบ้าง แต่ก็จะทำอย่างยิ่งต่อเนื่องต่อไปจนสามารถเลี้ยงดูครอบครัวให้สุขสบายได้ ส่งต่อมาถึงลูกหลานในสมัยนี้
ลูกหลานสมัยนี้จึงไม่ต้องลงมือทำอย่างหนักเท่ากับสมัยก่อน แต่คนที่ยังทุ่มเทเหมือนบรรพบุรุษ คนเหล่านี้จะสามารถสร้างความเจริญรุ่งเรืองยิ่ง ๆ ขึ้นไป และส่งต่อไปยังลูกหลานอีกรุ่นหนึ่ง
สรุป
ถ้าหากเรารวมคำ 5 คำต้องห้ามมาใช้ร่วมกัน ชีวิตจะพบความชิบหายอย่างแน่นอน เพราะ
- คุณไม่ยอมทำเรื่องยากเลย คิดว่ายากไปเสียหมด
- พอยากแล้วคุณก็คิดว่าตัวเองไม่มีปัญญาทำอะไรแบบนี้ได้แน่นอน ทำไม่เป็นไม่รู้จะทำอย่างไร
- พอทำไม่เป็น มันยากเกินไป ก็ท้อแท้ไม่ยอมสู้
- ไม่ยอมสู้นานเข้า ชีวิตก็ไร้ซึ่งระเบียบวินัย จนกลายเป็นคนขี้เกียจ ทำงานเช้าชามเย็นชาม
- ทำงานไปวัน ๆ ไม่มีเป้าหมายอะไรในชีวิต หนักก็ไม่เอา เบาก็ไม่สู้ เป็นคนเหนื่อยง่ายจะขยับนิดหน่อยก็ไม่ไหว ชีวิตก็เลยถอยหลังลงคลองไป
เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว หมั่นระลึกคำพูดที่จะเอ่ยออกไปเสมอ ไตร่ตรองให้ดีก่อนจะพูดอะไรออกไป
หัดเป็นผู้ฟังมากกว่าพูด แล้วชีวิตจะดีขึ้นอย่างแน่นอนครับ