การเป็นมนุษย์เงินเดือนเสมือนว่าถูกสอนกันมาในมหาวิทยาลัย เพราะคนส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเรียนด้านไหนมาก็ต้องไปทำงานประจำเป็นมนุษย์เงินเดือนด้วยกันทั้งนั้น
ข้อดีของการเป็นมนุษย์เงินเดือน คือได้เงินประจำ ความเสี่ยงน้อย ได้มีสังคมเพื่อนร่วมงาน ได้ฝึกการบริหารจัดการอย่างเป็นระบบตามแต่ละองค์กร ส่วนข้อเสียก็มีไม่น้อยเช่นกัน
มาวันนี้ผมอยากจะลองลิสต์ข้อเสียของการเป็นมนุษย์เงินเดือนมาตีแผ่ เผื่อใครที่กำลังจะจบการศึกษาจะได้เตรียมตัวไว้
หรือคนที่ทำงานประจำอยู่แล้วจะได้ทำใจปรับตัว หรือแม้กระทั่งจะอยากออกไปทำธุรกิจส่วนตัวกันครับ
1.คุณต้องทำงานร่วมกันคนอื่นให้ได้ แม้จะแย่แค่ไหนก็ตาม
การเป็นมนุษย์เงินเดือน จำเป็นจะต้องร่วมงานกับผู้คนที่หลากหลายในองค์กร บ่อยครั้งอาจจับผลัดจับผลูต้องร่วมงานกับคนที่เคยขัดแย้งกันมาก่อน หรือคนที่ไร้ความสามารถ
ซึ่งการจะเป็นมนุษย์เงินเดือนมืออาชีพนั้น จะต้องสามารถทำงานร่วมกันได้ ต้องพยายามประคับประคองคนอื่นให้ไปถึงเป้าหมายร่วมกัน โดยเห็นประโยชน์ของบริษัทเป็นที่ตั้ง
บ่อยครั้งจึงทำให้อาจจะทำลายอารมณ์อยากทำงานของคุณได้ เพราะต้องมัวสอนคนที่ไม่เป็นงาน หรือพวกขี้เกียจเป็นตัวถ่วง
2.คุณต้องเจอเรื่องนินทา
ไม่มีใคร ไม่โดนนินทา อันนี้เรื่องจริง ไม่ว่าคุณจะดีเด่นขนาดไหน ทำงานดี ทำงานแย่ ผลงานดี ผลงานธรรมดา เฉย ๆ คุณก็โดนนินทา ซึ่งบ่อยครั้งหลีกเลี่ยงไม่ได้ อธิบายก็คล้ายจะแก้ตัว ต้องทำใจ และปล่อยผ่าน มุ่งมั่นทำหน้าที่ของตัวเองต่อไป
3.คุณต้องประชุมแบบไร้จุดหมาย
การประชุมมีวัตถุประสงค์หลายอย่าง อาทิ การทำความเข้าใจ การตัดสินใจ การนำเสนอความคิดเห็นร่วมกัน แต่บ่อยครั้งคุณต้องเข้าประชุม ในเรื่องที่ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเข้ามา หรือได้แต่ฟัง
เพราะมีหัวหน้างานเผด็จการไม่ถามความคิดเห็น ที่เลวร้ายที่สุด คือมันใช้เวลานานมาก ทำให้คุณต้องเสียเวลาเคลียร์งานประจำไป คำแนะนำ คือให้ขอเป้าหมายในการประชุมครับ ว่าจะต้องการคำตอบเรื่องอะไรบ้าง มีกำหนดเวลาที่ชัดเจน และสุดท้ายถ้าปฏิเสธได้ก็ให้ปฏิเสธการประชุมที่คิดว่าไม่มีประโยชน์ไป
4.คุณต้องเจอการเมืองในที่ทำงาน
ประเทศไทยเป็นประเทศประชาธิปไตย การเมืองในที่ทำงานจึงเหมือนการซักซ้อมความเป็นประชาธิปไตยไปในตัว มีการแบ่งฝักแบ่งฝ่าย ทำให้บ่อยครั้งงานไม่ราบรื่น ติดขัดกันเป็นระยะ
คนส่วนใหญ่ไม่อยากเลือกข้าง แต่บางครั้งความคิดเห็นบังเอิญไปตรงกับอีกกลุ่มหนึ่ง เหมือนเลือกข้างไปโดยปริยาย ทางรอดจากสงครามการเมืองนี้ คือ เป็นกลางครับ ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด
แต่อาจต้องแลกมากับการถูกแช่แข็ง ไม่มีทางได้ผุดได้เกิดเติบโตในหน้าที่การงานได้ สุดท้ายถ้าเป็นแบบนี้แนะนำให้ลาออกครับ
5.คุณต้องเป็นกลายเป็นเด็กอีกครั้ง
เรื่องหนึ่งที่น่าแปลกใจในการเป็นมนุษย์เงินเดือน คือ จะมีคนอยากให้คุณเป็นเด็กในสังกัดของพวกเขา ข้อดีคือสามารถช่วยผลักดันให้เราเติบโตในสายงานได้
แม้ว่าผลงาน หรือความสามารถยังไม่ขั้นก็ตาม แต่คุณต้องเลือกสังกัดให้ดี เพราะถ้าอยู่ผิดฝั่งผิดฝ่าย ก็จะถูกแช่แข็งเป็นมนุษย์น้ำแข็งเฝ้าออฟฟิตได้
6.คุณต้องเอาใจเก่ง
หากคุณเป็นคนทำงานเก่ง แต่ไม่เอาสังคมเลย ไม่สุงสิงกับใคร ก็เป็นไปได้ว่าคุณอาจจะไม่เหมาะกับการเป็นมนุษย์เงินเดือน เพราะมนุษย์เงินเดือนจะต้องเอาใจคนอื่นเก่ง
โดยเฉพาะเจ้านายที่ชอบให้คนอื่นเลียแข้งเลียขา พูดจาชื่นชมเป็นภาษาดอกไม้ ถึงจะเจริญเติบโตในหน้าที่การงาน ของพวกนี้ฝึกฝนกันได้ครับ
ช่วงแรกอาจจะฝืนหน่อย แต่ให้สังเกตเพื่อนร่วมงานให้ดี โดยเฉพาะพวกที่ตำแหน่งสูง ๆ เขาจะมีทักษะเหล่านี้อยู่ อาจจะเลียนแบบพวกเขา
และฝึกใช้กับหัวหน้าเราบ้างในบางครั้ง เพื่อไม่ให้ดูหน้าเกลียด แต่ถ้าไม่ชอบเรื่องพวกนี้ต้องทำใจ อาจจะมีที่ทำงานอื่นที่เหมาะกับคุณมากกว่า ไม่ทำเรื่องแบบนี้ แต่ค่อนข้างน้อยครับ
7.คุณจะทำดีไม่ได้ดี
อันนี้เห็นได้บ่อยครับ คนที่ทำงานเก่ง มีความสามารถสูง สร้างผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ถูกละเลย คนที่พรีเซนต์ตัวเองเก่งกลับได้หน้าไป
เรื่องแบบนี้ทำให้เสียกำลังใจได้ และเป็นที่มาของการลาออก แต่คนละประเด็นกับพวกคิดว่าตัวเองเก่ง แท้ที่จริงไม่นะครับ
8.คุณจะมีเงินเดือนไม่พอกิน
มนุษย์เงินเดือนส่วนใหญ่พบเจอปัญหานี้ครับ เงินเดือนไม่พอยาไส้ ต้นเดือนกินอยู่อย่างราชา กลางเดือนเริ่มถอยลง สิ้นเดือนกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ความจริงแล้วคือบริษัทไม่ได้แคร์อะไรคุณมากมายครับ เขากำหนดเงินเดือนขั้นต่ำมา มีหน้าที่ให้ทำเป็นประจำ เหมือนฟันเฟืองชิ้นเล็กจิ๋วขององค์กร ถ้ารับเรื่องรายได้ไม่ได้ก็ลาออกไป บริษัทก็แค่หาคนใหม่เข้ามา ไม่ได้แตกต่างอะไรมากนัก อาจจะเสียเวลาฝึกงานนิดหน่อย
9.คุณจะเข้าใจว่าบริษัทไม่ได้รักคุณจริง
ถึงแม้คุณจะลาออกจากงานไป บริษัทก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรครับ เหตุผลคล้ายกับข้อที่แล้ว คนอยากมาแทนที่คุณมีเยอะแยะ บริษัทก็เล็งเห็นตรงจุดนี้
ต่อให้คุณขยันทำงาน ทำงานเช้าถึงดึกดื่น อย่างมากก็ได้รับคำชม ได้เลื่อนตำแหน่งเป็นกำลังใจบ้าง แต่ไม่มีทางที่บริษัทจะแบ่งส่วนแบ่งรายได้ให้คุณอย่างแน่นอน
ท้ายที่สุดก็กินเงินเดือนประจำไปตามเดิม ถึงแม้ว่าคุณจะทำงานหามรุ่งหามค่ำจนเจ็บป่วย บริษัทก็จะมาเยี่ยมเยียนดูแลไปตามสภาพการณ์
คุณเกิดเป็นอะไรขึ้นมาจนทำงานไม่ได้ วันนึงบริษัทก็หาคนมาแทนคุณอยู่ดี และก็ดำเนินธุรกิจไปได้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
10.คุณจะเสียเพื่อนร่วมงานไป
เพื่อนร่วมงานที่อุตส่าห์ฟันฝ่ากันได้เข้ามาทำงาน ถึงวันนึงก็จะจากคุณไป
เพราะแต่ละคนก็มีความฝันแตกต่างกัน บางคนมาทำงานเพื่อเอาประสบการณ์ เพื่อเปิดกิจการของตนเอง บางคนมาทำงานเพื่อเอาสังคม บางคนเจอที่ทำงานที่่ได้รายได้มากกว่า
ไม่มีใครจะทำงานกับคุณไปได้ตลอดชีวิตครับ วันนึงคุณอาจจะกลายมาเป็นพี่ใหญ่ คอยสอนงานเด็กใหม่ที่เข้ามาทำงาน ไม่มีอะไรจีรังยั่งยืน
11.คุณต้องพูดอะไรไม่เข้าหูคนอื่น
ความจริงอย่างหนึ่งในการทำงาน คือ บางครั้งคุณต้องแสดงความคิดเห็นที่ขัดกับความคิดเห็นของคนอื่น อันจะนำมาซึ่งความลำบากใจ และบานปลายถึงขั้นไม่ชอบหน้ากัน
ถ้าเป็นต่างประเทศเรื่องพวกนี้เป็นเรื่องปกติมากครับ การแสดงความคิดเห็นกันตรงๆ ช่วยทำให้มีความเข้าใจตรงกัน ได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า
และไม่ต้องเสียเวลาอ้อมค้อม ต่างกันกับสังคมไทย การพูดจากันตรง ๆ จะดูเหมือนว่าก้าวร้าว ไม่มีสัมมาคารวะ
12.คุณต้องเผชิญรถติด
ใครที่อยู่ไกลจากกรุงเทพฯ ประเด็นนี้คงไม่ใช่ปัญหา แต่หากคุณอาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ แล้วมีออฟฟิศอยู่ใจกลางเมืองคงเข้าใจดี
นอกจากจะต้องตื่นเช้าตรู่ เพื่อรีบออกจากบ้านเดินทางไปยังออฟฟิศแล้ว ขากลับก็ยังจะต้องอดทนฝ่ารถติดเพื่อกลับไปพักผ่อน วันไหนเจอฝนตกในตอนเช้า ชะตาชีวิตอาจจะขาดได้ ต้องถูกตัดเงินเดือนเพราะเข้างานไม่ทัน
13.คุณจะต้องทำงานวันละหลายชั่วโมงเกือบทุกวันตลอดปี
มนุษย์เงินเดือนส่วนใหญ่จะมีเวลาทำงานตายตัว เฉลี่ยอยู่ที่ 8 ถึง 10 ชั่วโมง จันทร์ถึงศุกร์ หรือหนักหน่อยอาจจะถึงวันเสาร์ ซึ่งเป็นการใช้เวลาส่วนใหญ่ของชีวิตไปกับการทำงานที่คุณเองก็ไม่ได้ชอบทำ
ไม่ได้มีอารมณ์อยากจะสร้างสรรค์ผลงาน ต้องมาเจอเพื่อนร่วมงานที่ไม่ได้เรื่อง ต้องมาฟังเรื่องน้ำเน่าของคนอื่น เจอหัวหน้าที่เอาแต่ใจ การประชุมที่ยืดเยื้อไม่มีทีท่าว่าจะจบ ซึ่งเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เลยของการเป็นมนุษย์เงินเดือน
สรุป
แต่ไม่ใช่ว่าการเป็นมนุษย์เงินเดือนจะมีแต่เรื่องแย่เสมอไป ผมเองเคยเห็นคนที่เป็นมนุษย์เงินเดือนหลายคน เติบโตในหน้าที่การงาน มีรายได้ที่ดี มีเพื่อนร่วมงาน และองค์กรที่สนับสนุนความสามารถ มีความสุขในการทำงาน
คนเหล่านี้มักจะมีแรงจูงในการทำงานมากกว่าคนอื่น มีเป้าหมายแห่งความสำเร็จในอาชีพเป็นที่ยึดเหนี่ยว และมี Career capitals หรือความสามารถที่โดดเด่นเหนือใคร อันนำมาซึ่ง passion ในการทำงาน
เพียงแค่ว่าการเป็นมนุษย์เงินเดือนอาจจะไม่เหมาะกับคุณ การลาออกมาทำธุรกิจส่วนตัวจึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจให้ลองเสี่ยง
และอย่าคิดว่าการออกมาทำธุรกิจเป็นเรื่องง่าย ๆ สบาย ๆ นะครับ หากคุณยังทำงานประจำได้ไม่ดี การออกมาทำธุรกิจนั้นยากกว่านั้นมากครับ
ทำงานประจำให้ดีก่อน ค่อยออกมาทำธุรกิจส่วนตัวจะดีกว่าครับ