โดยเฉลี่ยแล้วเราจะมีอายุขัยอยู่ประมาณ 2 หมื่นกว่าวันก่อนจะถึงวันที่จากโลกไป
ในแต่ละวันชีวิตดำเนินผ่านไปเหมือนกับว่าไม่มีอะไรแตกต่าง ทุกวันแทบจะคล้ายกันไปหมด ไม่มีความตื่นเต้น ไม่มีความยินดี หรือโศกเศร้าเสียใจมากนัก
อย่างไรก็ดีเมื่อเหตุการณ์ที่เป็นจุดเปลี่ยนในชีวิตเกิดขึ้น โดยเฉพาะเรื่องที่เลวร้ายแบบไม่คาดคิด หลายครั้งเราไม่สามารถตั้งตัวรับมือได้ทัน และทำให้ชีวิตเสียศูนย์เขวไป เสียเวลาไปล้มลุกคลุกคลานอยู่นานกว่าจะกลับมายืนได้เหมือนเคย
ผมมีเหตุการณ์ที่อาจสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับชีวิตคุณ ทั้งในเชิงบวก และลบมาบอกกล่าวไว้เผื่อว่าการเตรียมตัวเตรียมใจไว้เสียแต่เนิ่นอาจจะเป็นประโยชน์ครับ
เริ่มทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือน
จากชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยอันแสนสบาย ต้องมาเผชิญกับโลกแห่งความจริงที่โหดร้าย ถึงแม้จะไม่มีใครมานั่งจ้ำจี้จ้ำไชเหมือนสมัยเรียน แต่ถ้าทำไมตามเป้าหมายที่เจ้านายวางเอาไว้ไม่ได้มีสิทธิถึงตาย
คุณต้องพยายามลากสังขารไปให้ถึงออฟฟิศถึงแม้ว่าจะไม่มีอารมณ์เลยก็ตาม ไม่เหมือนกับสมัยเรียนที่โดดได้บ้าง สายได้บ้าง ชีวิตบนโลกแห่งความเป็นจริงวัดที่ผลงาน ถึงแม้จะจบการศึกษามาสูง หรือเลิศเลอเพียงใด หากร่วมงานกับคนอื่นไม่ได้ ไม่สามารถสร้างสรรค์ผลงานได้ เงินที่พ่อแม่อุตส่าห์ลงทุนไปกับการศึกษาของคุณก็อาจจะสูญหมด
เปลี่ยนงาน หรือตกงาน
ในทางเลวร้ายคุณอาจถึงขั้นตกงาน เพราะบริษัทไม่ต้องการจะใช้บริการของคุณอีกต่อไป อาจจะหมดประโยชน์โดยทางทักษะความสามารถ การเมือง หรืออะไรก็ตามแต่ คุณต้องเดินเตะฝุ่น และขาดรายได้
ถ้าหากย้ายไปอยู่บริษัทที่ดีกว่าก็น่าจะเปลี่ยนแปลงชีวิตไปในทิศทางที่ดีขึ้น ชีวิตจะเปลี่ยนไปแน่นอน เพราะคุณต้องย้ายไปอยู่สังคมใหม่ เพื่อนร่วมงานใหม่ ทางที่ดีควรจะรีบปรับตัว อย่ามัวอาลัยที่ทำงานเดิม หรือเปรียบเทียบกัน คุณจะไม่มีความสุข
วันที่โดนบอกเลิก
อันนี้เจ็บปวดรวดร้าว บางคนถึงขั้นกินไม่ได้นอนไม่หลับคิดจะฆ่าตัวตายกันเลยทีเดียว แน่นอนว่าการถูกปฎิเสธสร้างความเจ็บปวดถึงขั้นทำให้คนเราเปลี่ยนแปลงจากหน้ามือเป็นหลังมือได้
บางคนถูกบอกเลิกเพราะอ้วน ก็เลิกกินเก่งขึ้นมันทันใด เจอกันอีกทีผอมหุ่นดีเชียว
บางคนถูกบอกเลิกเพราะดูไร้อนาคต เจอกันอีกทีกลายเป็นนักธุรกิจชื่อดัง
แต่หลายคนใช้การถูกบอกเลิกตัดอนาคตตนเอง มัวแต่เศร้าโศกเสียใจไม่ทำมาหากินหรือเปลี่ยนแปลงตัวเอง
ขอให้คุณใช้การถูกบอกเลิกเปลี่ยนแปลงตนเองไปในเชิงบวกนะครับ
หันมาออกกำลังกาย กินอาหารที่มีประโยชน์
สืบเนื่องจากการที่คุณอาจจะถูกบอกเลิกมา จึงอยากเปลี่ยนแปลงชีวิตด้วยการขยับออกกำลังกายบ้างในแต่ละวัน
ผมเห็นตัวอย่างมากมายจากคนที่เดิมเคยอ้วน หันมาควบคุมอาหาร และหมั่นออกกำลังกาย กลายเป็นคนที่หุ่นดี สุขภาพดี ชีวิตดูมีความสุขมาก
นักวิทยาศาสตร์ค้นพบว่าการออกกำลังกายในปริมาณที่พอเหมาะจะช่วยหลั่งสารแห่งความสุขอย่างเอ็นโดฟินออกมา นอกจากนี้การออกกำลังกายถือเป็นอุปนิสัยพื้นฐานที่จะนำพานิสัยดีๆอย่างอื่นตามมาอีกด้วย เช่น คุณจะเริ่มเป็นคนมีวินัยมากขึ้น มีอารมณ์ที่ดีมั่นคงมากขึ้น
หากทุกวันนี้คุณกำลังปล่อยเนื้อปล่อยตัวกินแต่อาหารที่ไร้ประโยชน์ และทำสถิติไม่ออกกำลังกายชิงแชมป์โลกอยู่ ลองเปลี่ยนพฤติกรรมนี้ดูแล้วชีวิตคุณจะเปลี่ยนไป
เริ่มสร้างวินัยให้กับตนเอง
อริสโตเติลเคยกล่าวไว้ว่า ความสำเร็จล้วนเกิดจากนิสัยที่ดี
ผมจึงเห็นตามปราชญ์ว่าไว้ โดยคิดว่าน่าจะเป็นอย่างนั้น อันที่จริงมีการศึกษามากมายว่าเจ้าอุปนิสัยนั่นแหละ คือบ่อเกิดแห่งความสำเร็จ
อย่างไรก็ดีการเปลี่ยนแปลงชีวิตจะต้องอาศัยการฝึกฝนสร้างวินัยทำสิ่งที่ควรทำเป็นระยะเวลาต่อเนื่องกันทุกวันอย่างน้อย 21 วันตามทฤษฎี จึงจะสามารถสร้างนิสัยใหม่ขึ้นมาได้
แต่โดยส่วนตัวคิดว่าไม่จำเป็น บ่อยครั้งเกินกว่า 21 วันโดยเฉพาะนิสัยที่ยาก
แนะนำให้ลองปรับนิสัยตามนี้ครับ
- นั่งสมาธิทุกวันวันละ 5 นาทีก่อนนอน
- อ่านหนังสือวันละ 10 หน้า
- วิ่งวันละ 30 นาที
การสร้างนิสัยแค่ 3 อย่างนี้จะทำให้ชีวิตคุณเปลี่ยนไปอย่างแน่นอน หากทำสำเร็จแล้วจนติดเป็นนิสัย ลองเสริมนิสัยอื่นๆที่ดี เช่น กินผักล้วนวันละมื้อดูครับ
แต่งงานมีครอบครัว
มีคนเคยบอกไว้ว่าชีวิตรักที่แท้จริงเริ่มต้นเมื่อตอนแต่งงานกันแล้ว และย้ายมาอยู่ด้วยกันฉันท์สามีภรรยา คุณจะได้เห็นอีกแง่มุมของอีกฝ่ายที่อาจปิดบังซ่อนอยู่ เอาง่ายๆคือตอนตื่นนอน คุณจะเห็นหน้าสดของสามี และภรรยาตนเอง
คุณจะต้องแบ่งเบาภาระหน้าที่ ช่วยเหลือซึ่งกันและกันในทุกเรื่อง มีความรับผิดชอบมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีลูก ความรับผิดชอบจะเพิ่มขึ้นมาอีกหลายเท่าตัว หากไม่เตรียมตัวให้พร้อม โตเป็นผู้ใหญ่แต่เนิ่นๆ ชีวิตจะเปลี่ยนไปในทิศทางที่ลำบากอย่างแน่นอน
มีลูกคนแรก
จากเดิมที่ครอบครัวอยู่กันสามีภรรยาหาความสุขใส่ตัวใช้ชีวิตเต็มที่กับชีวิตรัก จะต้องกลายมาเป็นคุณพ่อ คุณแม่ มีลูกตัวน้อยเป็นโซ่คล้อง
เดิมที่ทำทุกอย่างเพื่อตัวเอง จะกลายมาเป็นทำทุกอย่างเพื่ออนาคตของลูก จากที่ชอบออกจากบ้านไปท่องเที่ยว ก็จะต้องอยู่เฝ้าบ้าน เลี้ยงดูแลลูกให้แข็งแรง ทุกสิ่งทุกอย่างจะกลายมาเป็นลูกมีความสำคัญอันดับแรกเสมอ
วันที่คนรักจากไป
ชีวิตคนเรานั้นไม่แน่นอน อะไรจะเกิดขึ้นบ้างไม่มีใครทราบได้ วันดีคืนดีคนที่เรารักอาจจะต้องมาลาจากไปกะทันหัน ทิ้งไว้แต่ฉากหลังทำให้หวนคิดถึง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งวันที่พ่อ หรือแม่ของคุณต้องมาจากกันไป จะเป็นวันที่โศกเศร้าเสียใจอย่างที่สุด
ผมเคยเผชิญเรื่องนี้กับตัวในวันที่อาม่าต้องมาเสียไปแบบกะทันหัน ทำให้รู้สึกผิดหวังที่ไม่ได้ใช้เวลากับเขาให้มากเพียงพอ
ชีวิตถึงขั้นเปลี่ยนไป เพราะเดิมทีผมอาศัยอยู่กับอาม่าเกือบตลอด พอวันนึงที่ไม่มีเขานั่งอยู่ตรงเก้าอี้ตัวเดิม ชีวิตจึงเหมือนขาดอะไรไป
แต่ชีวิตคนเราต้องเดินต่อไป ขอให้คุณเตรียมความพร้อม เตรียมหัวจิตหัวใจเอาไว้ ใช้เวลาที่มีให้เต็มที่ ถึงเหตุการณ์นี้จะทำให้ชีวิตเปลี่ยนไป แต่ใจเราจะไม่เปลี่ยนแปลง
จากที่กล่าวมาข้างต้นทั้งหมดอาจสรุปการเปลี่ยนแปลง โดยแยกออกเป็น 2 ประเภท คือ การเปลี่ยนแปลงแบบที่เราเลือกกระทำ หรือการเปลี่ยนแปลงแบบถูกกระทำ
การเปลี่ยนแปลงแบบถูกกระทำส่วนใหญ่เจ็บปวด และไม่คาดคิดเสมอ แต่คุณสามารถเลือกที่จะตอบสนองต่อเหตุการณ์ต่างๆได้ ด้วยการเตรียมความพร้อม อย่างที่ผมพยายามจะไล่เรียงเป็นข้อมูลให้คุณผู้อ่าน หรือแม้กระทั่งการปล่อยวางในที่สุด
สตีเฟ่น อาร์ โควีย์ ผู้เขียนหนังสือขายดี 7 อุปนิสัยสำหรับผู้มีประสิทธิผลสูง เคยกล่าวไว้ว่า
“หากคุณเป็นคนที่โปรแอคทีฟ* คุณจะไม่รอให้เหตุการณ์ หรือใครก็ตามมาแต่งเติมประสบการณ์ในชีวิตให้กับคุณ แต่คุณจะเป็นผู้สร้างมันขึ้นมาเอง”
ผมเชื่อว่าเราควรเป็นอย่างที่สตีเฟ่น โควีย์กล่าวไว้
ขอบคุณที่ติดตามครับ
*โปรแอคทีฟ คืออุปนิสัยที่ 1 ในหนังสือ 7 อุปนิสัยสำหรับผู้มีประสิทธิผลสูง ว่าด้วยการตอบสนองเชิงรุก ตรงข้ามกับคำว่ารีแอคทีฟ