คนจำนวนไม่น้อบเรียกร้องหา ‘โอกาส’ ในขณะที่ก็คนกลุ่มหนึ่งกลับสร้างโอกาสให้ตัวเอง เพราะแท้จริงแล้ว ‘โอกาส’ ก็เป็นเหมือน ‘อากาศ’ มีอยู่ทุกที่บนโลกใบนี้ อยู่ที่เราจะเลือกอยู่ที่ไหนเพื่อสูดเอาอากาศบริสุทธิ์เข้าไปใช้ในการดำรงชีวิต
ความสำเร็จไม่ใช่เรื่องของการ ‘รอคอย’ แต่เป็นเรื่องของการ ‘พุ่งชน’ โอกาสไม่ว่าจะใหญ่หรือเล็กมีล่องลอยอยู่รอบตัวเรา พุ่งเข้าใส่ อันนี้ไม่เวิร์ค อันต่อๆ ไปก็ต้องเวิร์คจนได้ – ต่อไปนี้เป็น 4 วิธีสร้างโอกาสขั้นพื้นฐานนำไปปฏิบัติง่ายๆ ด้วยตัวเอง
1. เปลี่ยนตัวเองเป็นสินค้า คว้าโอกาสด้วยการนำเสนอ
ไม่ว่าจะยุคสมัยไหนถ้าพูดถึงเรื่อง ‘งานขาย’ คนส่วนใหญ่ก็ร้องหยี ทั้งๆ ที่บางคนทำงานเป็นเซลล์ขายของด้วยซ้ำ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ที่ทำให้เราเกลียดการขาย ขอให้รู้เอาไว้ว่า โลกทั้งใบนั้นเคลื่อนไปได้เพราะแรงการขายทั้งสิ้น ถึงเราไม่ขาย เราก็ต้องซื้อ แล้วซื้อจากไหนล่ะ? — ก็ซื้อจากคนขายไง!
ดังนั้น การขายจึงเป็นการสร้างโอกาสที่ดีที่สุดสำหรับชีวิต ซึ่งก็ไม่ต้องกังวลไปว่าจะหาสินค้าอะไรมาขาย เพราะสินค้าอย่างแรกในชีวิตที่คุณต้องขายให้เป็นก็คือ ‘ตัวคุณเอง’ — ลองนึกย้อนกลับไปดูตั้งแต่เกิดนะครับว่า เราขายตัวเรามาตลอดแบบที่ไม่มีใครสอน เราอ้อนพ่อแม้ให้ซื้อของเล่นให้ เราตั้งใจเรียนเพื่อให้เป็นที่รักของคุณครู เราพยายามเขียนประวัติสมัครงานให้เลิศหรูเพื่อขายตัวเองให้ได้รับเข้าทำงาน
โดยเฉพาะในยุคที่ได้ชื่อว่า ‘Personal Branding’ คุณต้องกล้าเปลี่ยนตัวเองให้เป็นสินค้า เติมเต็มความรู้และพัฒนาตัวเองให้โดดเด่น รู้จักพูดและนำเสนอตัวเองอย่างเหมาะสม แสดงความคิดเห็นที่ดี ตั้งใจทำงาน ทำสิ่งต่างๆ ให้ถูกต้อง ไม่นานโลกจะเห็นเรา แล้วจะมอบโอกาสดีๆ มาให้เราอย่างไม่หยุดหย่อน – เคยสังเกตไหมครับ คนบางคนดูแล้วก็อย่างนั้นๆ เก่งสู้คุณก็ไม่ได้ แต่ทำไม ได้เลื่อนขั้นเอาๆ หรือ ดังเอาๆ เพราะคนจะมองเห็นคนที่ นำเสนอเป็น ก่อนเสมอ ถ้าคุณคิดว่าตนเองมีฝีมือ ต้องนำเสนอขายตัวเองให้เป็นครับ!
2. ทำความรู้จักคนแปลกหน้า คว้าโอกาสด้วยการขาย
ในการอบรมสัมมนาที่มีชื่อว่า The Sales Explosion ระเบิดพลังนักขาย โดย Blair Singer ได้ให้ผู้เข้าร่วมสัมมนาเดินออกไปนอกห้างแล้วขายหนังสือให้กับคนที่ไม่รู้จักภายในเวลาที่กำหนด สิ่งที่เกิดขึ้นคือ มีคนขายได้มากสุดถึง 48 เล่ม ในขณะที่ทั้งห้องขายรวมกันได้มากกว่า 300 เล่ม วันต่อมาเขาได้ให้ทุกคนนั่งอยู่ในห้องและให้เวลา 15 นาที โทรไปขายสินค้าอะไรก็ได้ทั้งกับคนที่รู้จักและคนที่ไม่รู้จัก สิ่งที่เกิดขึ้นคือ ยอดรวมของการขายภายในเวลา 15 นาทีเป็นเงินเท่ากับ 4.5 ล้านเหรียญสหรัฐ!
คำตอบของงานสัมมนานี้ไม่ได้กำลังบอกเราว่า การขายทำให้รวย แต่กำลังบอกเราว่าคนแปลกหน้าคือโอกาสแห่งความมั่งคั่ง และคนรู้จักก็คือโอกาสแห่งความมั่งคั่งที่ยั่งยืนยิ่งกว่า เมื่อไรก็ตามที่เรากล้าที่จะเริ่มทักทายคนแปลกหน้า เราก็จะได้รับโอกาสในการขายแล้ว ซึ่งอาจไม่ใช่หมายถึงสินค้าเสมอไป แต่เป็นการขายตัวเองให้เขารู้จัก และค่อยๆ กลายมาเป็นความสัมพันธ์ที่จะเกื้อหนุนกันได้ต่อไปทั้งในระยะสั้นและยาว เรียกได้ว่าเป็นการสร้างโอกาสใน ‘การขายโอกาส’ ที่เราจะได้ทำงานและแบ่งปันผลประโยชน์ร่วมกันได้ในอนาคต
3. จงเป็นจิตอาสา คว้าโอกาสด้วยการยกมือ
ชีวิตการทำงานของเราทุกคนไม่ว่าจะตำแหน่งใหญ่โตหรือเล็กจิ๋วแค่ไหน ล้วนผูกพันอยู่กับการประชุม ซึ่งนั่นคือบ่อทองของโอกาส ที่หลายๆ คนมองข้ามไปอย่างน่าเสียดาย ทุกครั้งที่มีการประชุม มักจะต้องมีคนพูด และมีคนตอบ การที่เราได้มีโอกาสพูดแสดงความคิดเห็น ยกมือ ถามหรือตอบคำถาม ถือเป็นการสร้างโอกาสให้ตัวเองทั้งสิ้น ไม่มีโอกาสใดที่จะทำให้หัวหน้ารู้จักเราได้ดีไปกว่านี้อีกแล้ว ซึ่งก็อาจไม่ใช่หัวหน้าอย่างเดียว บางครั้งในการประชุมที่ใหญ่ขึ้น เราจะมีโอกาสได้แสดงความคิดเห็นต่อผู้บริหารด้วย
นอกจากนั้น สำหรับยุคที่เต็มไปด้วยคอร์สสัมมนา ท่ามกลางกระแสแห่งการไขว่คว้าความรู้เพื่อความสำเร็จ ไม่ว่าจะเป็นสัมมนาฟรีหรือมีค่าใช้จ่าย ทุกสัมมนาถือเป็นขุมทรัพย์แห่งโอกาสที่ประเมินค่าไม่ได้ เพราะล้วนแต่ดึงดูดเอาเหล่า Prospect มาชุมนุมกันไว้ พร้อมๆ กันกับเหล่าบรรดาผู้ประกอบการ นักธุรกิจ ผู้บริหาร ทุกๆ สาขาอาชีพแล้วแต่งานสัมมนา และถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติเสมอที่วิทยากรมักจะขออาสาสมัครให้ยกมือขึ้นเพื่อไปร่วมทำกิจกรรม นั่นคือสิ่งที่เราควรทำ
เตรียมตัวให้พร้อมเข้าไว้ หรือต่อให้ไม่พร้อม ก็อย่าไปกลัว ยกมือขึ้นแล้วออกไปแสดงตัว ใช้โอกาสตรงนั้นให้คุ้มค่า สัมมนาหนึ่งบางทีจ่ายหลายหมื่น มันไม่คุ้มเลยที่จะมัวมาเอาแต่นั่งฟัง จงสวมวิญญาณจิตอาสากับทุกสัมมนาที่ไป ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ แล้วสินค้าของเรา หรือตัวของเรา จะเป็นที่รู้จักได้ภายในเวลาอันรวดเร็ว
4. ใช้สื่อออนไลน์อย่างชาญฉลาด คว้าโอกาสประสบความสำเร็จ
ในยุคที่ผู้คนใช้ชีวิตอยู่บน Facebook มีความสุขอยู่กับ Instagram นอนค้างอ้างแรมอยู่กับแป้นแชทของ Line สังคมการใช้ชีวิตของเราได้กลายไปอยู่บนโครงข่ายสายใยแก้วเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ดังนั้น เราก็ควรที่จะใช้สื่อออนไลน์ในชีวิตเราให้เป็นประโยชน์ อย่าใช้มันไปเพียงช่องทางระบายความโกรธแค้นหรืออารมณ์หงุดหงิด
จงคิดทุกครั้งที่จะโพสต์สิ่งใด เพื่อสร้างตัวตนบนโลกออนไลน์ของเราให้เป็นตัวดึงดูดโอกาสในทุกวินาที นั่นคือคำแนะนำสำหรับบนโปรไฟล์ส่วนตัว — แต่ถ้าเราอยากได้โอกาสที่มากกว่านั้น เราก็ควรที่จะสร้างเพจทางการ (Fan page) ขึ้นมาเพื่อบอกเล่าเรื่องราวอื่นๆ ที่เราชอบ หรือไม่เราก็ทำแสวงหากลุ่มเปิดและกลุ่มปิดต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่เราชอบ ไม่ว่าจะเป็น หุ้น หนังสือ การขาย ลดน้ำหนัก ความงาม สุขภาพ ฯลฯ อะไรก็ได้ที่เราคิดว่าเราหลงใหล จากนั้นเอาตัวเราเข้าไปคลุกคลีอยู่กับกลุ่มนั้นๆ ทำตัวเป็นจิตอาสา ตอบคำถาม ตั้งประเด็น แสดงความคิดเห็น นำเสนอตัวเอง ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องอาย ขายทุกสิ่งที่มี ด้วยความจริงใจ ไม่ใช่เฉพาะเพื่อเงินอย่างเดียว แต่เพื่อสร้างประโยชน์ให้กับทุกคนเป็นสำคัญ ยิ่งเราให้ก่อนได้มากเท่าไร เราก็จะยิ่งได้รับตอบกลับมามากเท่านั้น ซึ่งหากเราทำได้จริง โอกาสแห่งความสำเร็จจะวิ่งเข้ามาหาเราเองโดยที่เราไม่ต้องวิ่งตาม
สรุป…
ริชาร์ด แบรนสัน นักธุรกิจผู้ก่อตั้ง Virgin Group เคยกล่าวเอาไว้ใน Blog ส่วนตัว (www.virgin.com/richard-branson/opportunity-missed ) และตามสื่อต่างๆ ว่า —
[pullquote align=”full” cite=”” link=”” color=”” class=”” size=”16″]”Business opportunities are like buses, there’s always another one coming” — “โอกาสทางธุรกิจก็เหมือนกับการรอรถประจำทาง พลาดคันนี้ก็ยังมีคันหน้า”[/pullquote]
คำพูดของเขาสื่อว่าโอกาสนั้นเป็นสิ่งที่ผ่านมาแล้วผ่านไปเสมอ ตั้งแต่พยายามทำธุรกิจเพาะนกแก้วขายตอนอายุ 15 ปี มาสู่การก่อตั้ง Student Magazine ในวัย 17 ปี เก็บเกี่ยวประสบการณ์ธุรกิจจนกลายมาเป็น Virgin Group เหล่านี้เกิดจากการลงมือลุยมันทุกแนวทางที่คิดได้ ณ ตอนนั้นโดยไม่รอ Perfect timing — เจ๊งก็เอาใหม่ จนกว่าจะประสบผลลัพธ์ เป็นต้น
อย่ามัวรอขอโอกาสจากฟากฟ้า เพียรศึกษาพัฒนาตนเองให้พร้อมขาย สร้างโอกาสความสำเร็จด้วยใจกาย เปลี่ยน กลัว-อาย เป็นทายท้า กล้าลงมือ