หากเอ่ยถึงเฟสบุ๊ค ใครๆ ก็จะนึกถึงชื่อ ของมาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก เป็นอันดับแรก เพราะเขามีฐานะเป็นผู้ก่อตั้งสื่อโซเชียลเน็ทเวิร์คอันโด่งดัง ที่มีผู้ใช้งานมากที่สุด คือ กว่า 700 ล้านคน!!! ทั่วโลก Leader Wings อยากเล่าเรื่องราวผู้หญิงสตองอีกคนหนึ่งที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าผู้ชายเลยแม้แต่น้อย
แต่ถ้าเรายังจำกันได้ถึงเฟสบุ๊คในยุคแรกๆ กับเฟสบุ๊คในยุคปัจจุบัน สิ่งที่แตกต่างกันเลยก็คือ ในเรื่องของ “ความเป็นธุรกิจ” ที่มีมากขึ้น กล่าวคือ ทุกวันนี้ ใครก็ตามที่จะเข้ามาใช้เฟสบุ๊คเพื่อสร้างรายได้ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเรียนรู้วิธีซื้อโฆษณาผ่านเฟสบุ๊คด้วย
เพราะตอนนี้เฟสบุ๊คไม่ได้ใช้งานได้ฟรีเท่าเทียมกันในทุกฟังก์ชั่น เหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว
แต่ถึงจะมีกลไกการเรียกเก็บค่าโฆษณาจากผู้ใช้งานเชิงพาณิชย์อย่างไร ระดับของความนิยมก็ยังคงไม่ได้ลดน้อยลงไปอยู่ดี เหตุผลก็เพราะ ระบบการซื้อโฆษณาผ่านเฟสบุ๊คเพื่อประโยชน์ทางธุรกิจที่ว่านี้ มีประสิทธิภาพมากพอที่จะทำให้ทุกคนมองเห็นโอกาสในการสร้างรายได้ หรือ ใช้เฟสบุ๊คเป็นเครื่องมือหนึ่งในการผลักดัน ให้ธุรกิจประสบความสำเสร็จไปถึงเป้าหมายตามที่ตั้งใจไว้
แน่นอนว่า เฟสบุ๊คไม่อาจประสบความสำเร็จได้อย่างที่เห็น ด้วยมือของมาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก เพียงแค่คนเดียว แต่เขายังมีทีมงานเก่งๆ ผู้อยู่เบื้องหลังอีกมากมาย ที่คอยช่วยสร้างความสำเร็จให้เติบโตเรื่อยมาจนกระทั่งปัจจุบัน โดยคนหนึ่งที่จะไม่พูดถึงเลยไม่ได้นั้น…
ก็คือ “เชอริล แซนเบิร์ก” (Sheryl Sandberg) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายปฏิบัติการ หรือ COO ของเฟสบุ๊ค ผู้หญิงคนสำคัญที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นเบอร์ 2 รองจากมาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก และเป็นผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จเชิงพาณิชย์ทั้งหมดของเฟสบุ๊ค ที่เรารับรู้ตัวเลขกันในทุกวันนี้ด้วย
ก่อนที่จะมาทำงานให้กับมาร์ค เชอริล คือ ยอดหญิงแถวหน้าที่ผู้ชายต่างยอมรับในความสามารถ เพราะเธอคือผู้คิดค้น Google Adsense โมเดลธุรกิจของกูเกิล ที่นำเสนอโฆษณาตามพฤติกรรมการเสิร์ชของผู้บริโภค ซึ่งหลายๆ คนอาจเคยใช้โมเดลนี้ในการหารายได้ จากการทำงานผ่านอินเตอร์เน็ทกันมาแล้วไม่มากก็น้อย ด้วยการสร้างเว็บไซต์ และเอาโฆษณาของ Google Adsense ไปติดไว้บนหน้าเว็บ
ซึ่งเมื่อเริ่มเปิดตัวใช้โมเดลธุรกิจดังกล่าว ระบบที่เชอริลและทีมสร้างขึ้นก็สามารถทำรายได้ให้กับกูเกิล อย่างมหาศาลมากถึงเกือบ 3 แสนล้านบาท!!! หรือคิดเป็นร้อยละ 30 ของรายได้ทั้งหมดของกูเกิลเลยทีเดียว และภายหลังจากได้รับทาบทามโดยมาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก เธอก็ได้เข้ามาสร้างปรากฎการณ์ครั้งใหญ่ให้กับเฟสบุ๊ค
ด้วยการทำให้บริษัทเติบโตมากขึ้นแบบเท่าทวี จากที่มีพนักงานหลักร้อย ก็ทยอยเพิ่มขึ้นอย่างราวดเร็วจนเป็นหลักพัน ซึ่งส่วนหนึ่งนั้นก็มาจากพนักงานในกูเกิลที่เชื่อมั่นในตัวเธอแล้วติดตามมาด้วย และจากยอดผู้ใช้งานเฟสบุ๊คระดับหลักสิบล้าน การมาของเชอริลทำให้ยอดผู้ใช้งานพุ่งทะยานสู่หลักหลายร้อยล้านได้ในที่สุด
ความสุดยอดของเชอริลนับว่าเป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า “ผู้หญิง” ไม่ได้ด้อยไปกว่าผู้ชายเลยแม้แต่น้อย
เธอคือแรงผลักดันสำคัญที่ทำให้ผู้หญิงทั่วโลกมีแรงบันดาลใจ ในการดึงศักยภาพของตัวเองออกมาสร้างสรรค์ความสำเร็จให้โลกใบนี้ประจักษ์ และที่สำคัญ หลักคิด วิสัยทัศน์ ในการทำงานของเธอ ก็ถือเป็นคำแนะนำชั้นเลิศ ที่ไม่ว่าเราจะเป็นใคร จะเป็นชายหรือหญิง
ก็ควรอย่างยิ่งที่จะต้องหาโอกาสศึกษาไว้ เพื่อนำไปประยุกต์ใช้สร้างความสำเร็จของตัวเอง
และต่อจากนี้ไป คือ 3 คมคิด ของเชอริล แซนด์เบิร์ก ผู้หญิงที่มาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก ไว้ใจ และช่วยสร้างเฟสบุ๊คให้ร่ำรวย จนกลายเป็นธุรกิจที่มีมูลค่าหลาย ล้านล้าน บาท!!!
1.มั่นใจมุ่งเดินหน้า ประกาศหาความท้าทาย
ชีวิตคนเราหากปราศจากแล้วซึ่งความมั่นใจ ไม่ว่าจะทำอะไร ศักยภาพทุกอย่างก็จะถูกหาร 2 ให้ลดลงเป็นอย่างน้อยเสมอ กลับกันหากเรามีความมั่นใจ เชื่อมั่นในตัวเอง สิ่งที่จะเกิดขึ้นก็คือ ศักยภาพในตัวเราทุกอย่าง จะถูกทวีคูณให้มีมากขึ้นในสายตาผู้คนเป็นเท่าตัว
ใครจะไปคิดว่า เชอริล ผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าเป็นทัพหน้าของกูเกิล มีผลงานสร้างรายได้ให้บริษัทระดับหลายแสนล้าน จะกล้าเปลี่ยนใจไปทำงานให้กับบริษัทอื่นที่ ณ วินาทีนั้นไม่ได้มั่นคงมากกว่า
แต่เพราะความมั่นใจในวิสัยทัศน์ของตัวเอง ซึ่งเชอริลมองว่า “เฟสบุ๊ค” จะต้องยิ่งใหญ่ได้ในอนาคต ประกอบกับการชอบความท้าทาย และปรารถนาจะพัฒนาตัวเอง ให้ก้าวหน้าอยู่เสมอ เธอจึงไม่คิดอะไรมากเท่าไร กับการคิดตัดสินใจไปร่วมงานกับเฟสบุ๊ค และเธอก็คิดไม่ผิด เพราะทั้งเธอและเฟสบุ๊ค สามารถเติบโตได้แบบที่คาดไว้จริงๆ
บนเวที TED TALK เชอริลแสดงจุดยืนข้อหนึ่งของวิสัยทัศน์เรื่องความมั่นใจ ให้เห็น ด้วยการบอกว่า “Sit at The Table” เธอแนะนำให้ผู้หญิงทุกคนมั่นใจที่จะนั่งแถวหน้า โดยเปรียบเทียบกับตอนเรียนมหาลัย ที่ใครส่วนใหญ่มักจะไปนั่งหลังๆ แล้วคนที่อยู่ข้างหน้าก็มักมีบทบาท
และได้ถูกมองเห็นความสำคัญก่อนเสมอ สำหรับผู้หญิงแล้ว เธอแนะนำให้หันมองกลับไปหาคุณค่าในตัวเอง เชื่อมั่น และก้าวออกมามองหาความท้าทาย ทำให้โลกเห็นให้ได้ว่าเรามีดีอะไร และเมื่อนั้น เราก็จะเติบโตต่อไปได้อย่างที่ใจเราต้องการ
และสำหรับทุกคนไม่ว่าใคร ความมั่นใจก็คงเป็นสิ่งที่ขาดไปไม่ได้เช่นกัน เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่เราไหวหวั่น ลังเลสงสัย หรือ กลัวที่จะก้าวออกไปคว้าโอกาส เมื่อนั้น ความสำเร็จก็จะห่างไกลออกจากเราไป เรื่อยๆ เหมือนกับครั้งหนึ่ง ที่เธอเคยกล่าวเอาไว้ว่า
[pullquote align=”full” cite=”” link=”” color=”” class=”” size=”14″]“If you’ re offered a seat on a rocket ship, don’t ask what seat! Just get on.”[/pullquote]
2.สมบูรณ์แบบไร้ข้อผิดพลาด
คือ ศัตรูตัวฉกาจของความสำเร็จ
เหตุผลส่วนใหญ่ที่ทำให้คนเราไม่มั่นใจในตัวเอง ก็คือ “การกลัวความผิดพลาด” นับเป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่ต้องการให้ทุกคนยอมรับ ต้องการความสำเร็จ และไม่ต้องการถูกตำหนิ ดังนั้น หากเราต้องทำอะไรที่รู้สึกว่าเสี่ยงกับการอับอาย ล้มเหลว ดูไม่ฉลาดในสายตาผู้อื่น

หนังสือ Lean In อยากเก่ง ต้องกล้า โดย Sheryl Sandberg (เชอริล แซนด์เบิร์ก) ผู้แปล :อุมาพร มิสราสำนักพิมพ์ :บริษัท ซัคเซส มีเดีย จำกัด รูปภาพจาก issue247.com
ปฏิกิริยาต่อต้านในหัวใจ จะสั่งให้เราหลีกเลี่ยง และดึงดูดความกลัว ความไม่มั่นใจทุกอย่างมาไว้ในตัว
แต่ในความเป็นจริงแล้วนั้น ไม่มีความสำเร็จใดบนโลกใบนี้เกิดมาโดยไม่เคยผิดพลาด!
เอาง่ายๆ เลยคือ ขนาดกูเกิลที่จัดว่าเป็น Seach Engine ที่ดีที่สุด บางทีก็ไม่สามารถหาข้อมูลที่ถูกต้องมาให้เราได้ เฟสบุ๊คเองก็เช่นกัน ที่ถึงแม้วันนี้จะเป็นสื่อโซเชียลที่ได้รับความนิยมมากที่สุด แต่ระบบของเฟสบุ๊คในบางครั้งบางวัน ก็ล่มล้มเหลวไม่เป็นท่า ถูกร้องเรียน ตำหนิ ต่อว่า อยู่ไม่เคยห่างหาย
ตลอดเส้นทางของความสำเร็จ ไม่เคยมีคำว่า สมบูรณ์แบบ หลายๆ ครั้งหากเราทำทุกอย่างถูกต้องราบรื่นทั้งหมด โดยไม่มีข้อผิดพลาดใดๆ เกิดขึ้นเลย บางทีนั่นอาจเป็นสัญญาณ ที่เตือนให้เราระแคะระคายได้ว่า ที่ไม่มีอะไรผิดพลาดเลยนั้น เพราะเรายังมองไม่ครอบคลุมมากพอหรือเปล่า?
คำตอบอาจเป็นได้ทั้ง ใช่ และ ไม่ใช่…
แต่จะเป็นแบบไหนก็แล้วแต่ สัจจธรรมของคำว่า “ความสำเร็จ” มันก็ไม่เคยมีใครสามารถสร้างเสร็จขึ้นมาได้โดยไม่ผิดพลาดเลยแม้แต่ครั้งเดียว มีเพียงแต่คำว่า ล้มแล้วลุก ผิดแล้วรู้ว่าต้องแก้ไขอย่างไรต่างหาก ที่จะทำให้เราเติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนโดยแท้จริง
เหมือนกันกับที่ครั้งหนึ่ง เชอริล เคยกล่าวเอาไว้ว่า….
[pullquote align=”full” cite=”” link=”” color=”” class=”” size=”14″]“Trying to do it all and expecting that it all can be done exactly right is a recipe for disappointment. Perfection is the enemy”[/pullquote]
3. มองให้เห็นคุณค่าในตัว
แล้วโลก จะ Make Sure คุณค่าให้คุณ
คงเป็นเรื่องยากมาก ๆ ที่จะให้ใครมาเห็นคุณค่าในตัวเรา หากเรายังไม่เชื่อมั่นและมองเห็นคุณค่าในตัวเอง
ความสำเร็จทุกอย่างบนโลกใบนี้ไม่ได้เริ่มต้นมาจากตัวใคร นอกจากตัวของเราเองเท่านั้น ที่จะเป็นคนกำหนด เริ่มต้นคิดว่าจะทำอะไร มีเป้าหมายที่จุดไหน และเริ่มต้นลงมือทำสิ่งนั้นไปอย่างต่อเนื่องเพื่ออะไร ภายใต้ความเชื่อมั่นด้วยว่า
“ฉันสามารถทำมันให้สำเร็จได้จริง”
ทันทีที่เราทำสิ่งที่ดี มีประโยชน์ และเราก็เชื่อด้วยว่าสิ่งที่เราทำอยู่นั้นดีและมีประโยชน์จริง ผู้คนจะค่อยๆ เริ่มตระหนักและรับรู้ได้ถึงคุณค่าในตัวเราและสิ่งที่เราทำได้เอง ซึ่งความเชื่อมั่นที่ถูกส่งต่อถึงกันเองนี่แหละ คือตัวการสำคัญที่จะก่อให้เกิด
“พลังความสามัคคีอันยิ่งใหญ่”
อันจะทำให้ความสำเร็จในทุกขั้นที่ตั้งเป้าไว้ ไปถึงเส้นชัยได้ดังที่ปรารถนา
เหมือนอย่างที่เชอริล สามารถทำให้เพื่อนร่วมงานทุกคนในกูเกิลเชื่อมั่นในตัวเธอได้ ด้วยความสามารถที่เธอมีและแสดงให้เห็น จนเมื่อเธอลาออกจากกูเกิลมาอยู่กับเฟสบุ๊ค ในทันทีที่เชอริลเอ่ยปากชวน พวกเขาจึงยอมลาออกตามเธอมาอย่างเต็มใจโดยไม่มีความลังเลหวั่นไหว
และสิ่งที่เกิดขึ้นกับมาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก ก็คือ การได้ทีมงานที่แข็งแกร่ง ที่สามารถทำให้เฟสบุ๊คเติบโตขึ้นได้อย่างรวดเร็วและมั่นคง
[pullquote align=”full” cite=”” link=”” color=”” class=”” size=”14″]“When you’re more valuable, the people around you will do more to make it work.”[/pullquote]
เชอริลเคยกล่าวเอาไว้แบบนั้น และมันก็ถือเป็นสิ่งสำคัญ ที่พวกเราทุกคนควรตระหนัก เพราะการมองให้เห็นคุณค่าในตัวเอง คือจุดเริ่มต้นที่จะทำให้คนอื่นตระหนักถึงคุณค่าในตัวเรา ก่อนที่มันจะดึงดูดพวกเขาให้เข้ามาช่วยสร้างสรรค์ จนมันกลายเป็นความสำเร็จที่ยังประโยชน์ต่อโลกใบนี้ได้ในที่สุด Leader Wings ต้องบอกเลยว่า นี่คือผู้หญิงที่มีความสามารถ ความคิด ความอ่าน ไม่ได้ด้อยไปกว่าผู้ชายเลยแม้แต่น้อย ควรค่าแก่การแชร์ให้เพื่อนคุณได้อ่าน
แชร์ซิ รออะไร!