คุณ ทศ จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เซ็นทรัลรีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด เล่าถึงการบริหารงานบริษัท เซ็นทรัลรีเทลว่า
“การบริหารองค์กรใหญ่ที่มีอายุยาวนานกว่า 60 ปี ส่งต่อมาที่ผมเป็นรุ่นที่ 3 ผมตั้งใจให้เป็นจุดเริ่มต้นของ New Era ก้าวจากบริษัทไทย ไปสู่การเป็นบริษัทข้ามชาติ (Multi-National Corporation) อย่างเต็มรูปแบบ”
บริษัท เซ็นทรัลรีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด ดำเนินธุรกิจประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง ด้วยการขับเคลื่อนองค์กรที่มีวิถีการทำงานแบบไทย คือให้ความสำคัญเรื่องการดูแลเอาใจใส่พนักงาน หัวหน้าเป็นผู้นำด้านความคิด โดยมีผู้ตามที่พร้อมลงมือทำอย่างสามัคคี
พนักงานรุ่นบุกเบิกมีค่านิยมการทำงานแบบ “ขยัน ซื่อสัตย์ อดทน” ซึ่งได้รับถ่ายทอดมาจากแนวทางการทำงานของ คุณสัมฤทธิ์ จิราธิวัฒน์ บุตรชายคนโตของ
นายห้างเตียง จิราธิวัฒน์
มาวันนี้ คุณทศกำลังจะพาองค์กรก้าวไปสู่เวทีระดับโลก ซึ่งต้องอาศัยกระบวนการปรับเปลี่ยนในหลายเรื่อง แต่สิ่งสำคัญที่สุด คือ “การยกระดับพฤติกรรมการทำงาน” ที่เป็นรากฐานความสำเร็จมาตั้งแต่อดีตให้ต่อยอดไปสู่ระดับสากล
“การยกระดับพฤติกรรมการทำงาน” ให้เกิดการปรับเปลี่ยนไปสู่ระดับสากล ล้วนเกิดจากการพัฒนาและการดูแลเรื่อง “คน” เป็นหลัก คุณทศ จิราธิวัฒน์ ให้ความสำคัญและมุ่งเน้นใน 5 เรื่อง ต่อไปนี้…
1. การสร้างค่านิยมและวัฒนธรรมองค์กร
หลายปีที่ผ่านมา คุณทศให้ความสำคัญกับเรื่อง “คน” เป็นลำดับต้น ๆ โดยก่อนหน้านั้น ธุรกิจเซ็นทรัลรีเทล มุ่งเน้นการสร้างความเจริญเติบโตทางธุรกิจ ดูแล
เรื่องภาพลักษณ์ การวางระบบงานให้เกิดประสิทธิภาพ และประสิทธิผลสูงสุด
ปัจจุบันเรื่องดังกล่าวค่อนข้างลงตัว และถือเป็นการบริหารจัดการระยะสั้น เพราะเรื่องตัวเลขต้องพิจารณากันรายปี แต่เรื่อง “การสร้างคน” ไว้รองรับการเจริญเติบโตแบบก้าวกระโดด คุณทศถือว่าต้องเตรียมพร้อม เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ในระยะยาว
คุณทศให้สัมภาษณ์ว่า
“ภารกิจหลักของผม คือให้เวลากับการบริหารทรัพยากรบุคคล ดูแลบริหาร จัดการระบบการดูแลพนักงานของเราให้มีประสิทธิภาพในการทำงาน และเป็นคนดีตามค่านิยมหลัก 4 ด้าน”
ค่านิยมหลัก 4 ด้านดังกล่าว ได้แก่
1) มุ่งพัฒนาตนเองอยู่เสมอ
พนักงานทุกคนต้องเรียนรู้ไม่รู้จบ เพราะโจทย์เปลี่ยนตลอดเวลา
2) นำเสนอสิ่งที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้า
เพราะเหตุผลของการทำธุรกิจทั้งหมดคือ สร้างความพึงพอใจให้ทั้งลูกค้าภายในและลูกค้าภายนอก
3) ทำด้วยความซื่อสัตย์และจรรยาบรรณ
สิ่งนี้จะทำให้องค์กรอยู่ได้อย่างยั่งยืน เหมือนองค์กรใหญ่ ๆ ในต่างประเทศที่อายุมากกว่า 100 ปี และยังประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจ
4) การให้ความเคารพในคุณค่าของคน
ที่ผ่านมาเครือเซ็นทรัลมีแต่พนักงานชาวไทย ทำให้ค่านิยมนี้สร้างได้ไม่ยาก เพราะเราพูดภาษาเดียวกัน เข้าใจกันง่าย แต่ปัจจุบันองค์กรมีผู้บริหารและพนักงานที่เป็นชาวต่างชาติเข้ามาร่วมงาน เกือบ 10 ประเทศ ทั้งอเมริกัน หลายชาติในยุโรป ออสเตรเลีย จีน สิงคโปร์ หรือแม้แต่รัสเซีย และมีแนวโน้มจะเพิ่ม ขึ้นเรื่อย ๆ เพราะแผนต่างประเทศของบริษัท เน้นการขยายธุรกิจในอาเซียนและยุโรป
บรรยากาศการทำงานเริ่มปรับเปลี่ยน ต่างชาติต้องเรียนรู้วัฒนธรรมไทย เพื่อทำงานร่วมกับทีมงานไทย พนักงานไทยก็ต้องเริ่มเรียนรู้และเข้าใจวิถีการทำงานของต่างชาติ เพื่อให้อยู่ร่วมกันได้โดยยังรักษาความเคารพในความแตกต่างของกันและกัน
คุณทศย้ำว่า “แก่นค่านิยมของเรายังเหมือนเดิม แต่พฤติกรรมภายใต้ค่านิยมต้องประยุกต์ให้มีความทันสมัยและเป็นสากล เช่น เดิมพฤติกรรมการแสดงความเคารพ คือการรับฟังและปฏิบัติตามทันที ควรเปลี่ยนเป็นการรับฟังและแลกเปลี่ยนมุมมอง โดยเคารพความคิดเห็นที่แตกต่าง กล้าแสดงความคิดเห็นอย่างสร้างสรรค์”
2. ดึงเรื่อง “คน” ออกมาดูแล แยกจากเรื่อง “ธุรกิจ”
ในฐานะที่เป็นหัวเรือใหญ่ คุณทศตระหนักดีว่า การคิด การตัดสินใจ และการกระทำ ที่ถ่ายทอดลงไปยังผู้บริหารและพนักงานทุกระดับ จะทำให้ทุกคนรับทราบว่า องค์กรกำลังคาดหวังอะไร? ต้องการให้มุ่งเน้น ความสำคัญในเรื่องใด?
คุณทศพูดถึงเรื่องนี้ว่า
“หลายปีมานี้ ผมมุ่งเน้นเรื่องการพัฒนาบุคลากร เพื่อรองรับธุรกิจที่กำลังเติบโตแบบก้าวกระโดด ดังนั้น การประชุมคณะกรรมการบริหารระดับสูงของเซ็นทรัลรีเทล ผมเอาเรื่องคนแยก ออกมาเป็นวาระการประชุมต่างหากจากการประชุมเรื่องของธุรกิจ
โดยคณะกรรมการจะช่วยกันกำกับ ดูแลนโยบายหลักต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับพนักงาน เช่น ความพร้อมด้านศักยภาพ การเติบโตในสายอาชีพ เงินเดือนและสวัสดิการ การพัฒนาอบรมในรูปแบบต่าง ๆ การหมุนเวียนสลับเปลี่ยนตำแหน่ง และการโอนย้ายให้เกิดการพัฒนาเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ”
3. สื่อสารกับพนักงานทั้งองค์กร ให้เห็นภาพวิสัยทัศน์ร่วมกัน
สำหรับการสื่อสารระดับองค์กรนั้น คุณทศแสดงเจตนารมณ์ผ่านช่องทางการประชุมใหญ่ประจำปี ซึ่งจัด ขึ้นปีละ 2 ครั้ง โดยมีผู้บริหารระดับกลางขึ้นไป กว่า 400 คน เข้ามารับฟังความเคลื่อนไหวและทิศทางของธุรกิจ เพื่อนำไปถ่ายทอดให้กับพนักงานทุกคนได้ทราบในทิศทางเดียวกัน
การประชุมครั้งล่าสุด คุณทศได้เล่าให้ฟังถึงแผนการขยายธุรกิจในต่างประเทศ ทั้งเวียดนาม อินโดนีเซีย การปรับปรุงห้างลารีน่าเซนเต้ (La Rinascente) ที่อิตาลี ไปจนถึงที่มาของการซื้อกิจการห้างสรรพสินค้า อีลุ้ม (Illum) ที่เดนมาร์ก ซึ่งได้รับความสนใจอย่างมาก
หลังการประชุม คุณทศเปิดโอกาสให้พนักงานลงชื่อสมัครไปทำงานสาขาต่างประเทศ ซึ่งมีพนักงานสนใจเกินคาดหมาย ปัจจุบันเซ็นทรัลรีเทลมีพนักงานทยอยไปเริ่มงานที่เวียดนามและอินโดนีเซียบ้างแล้ว
4. ให้ความสำคัญเรื่องความคิดสร้างสรรค์ และนวัตกรรมการทำงาน
คุณทศตระหนักถึงความสำคัญว่า ผู้นำของบริษัทต้องเป็นคนชอบคิด เพราะ “การชอบคิด” จะช่วยให้องค์กรพัฒนาต่อเนื่อง เกิดการต่อยอดไปข้างหน้าอย่างไม่สิ้นสุด
เซ็นทรัลรีเทลมีคนหลายแบบในองค์กร บางคนชอบคิดแต่ไม่ถนัดทำ ขณะที่บางคนไม่ชอบคิดแต่ถนัดทำ อย่างไรก็ตาม คุณทศขยายความว่า
“เมื่อคิดแล้ว ก็ต้องทำ เพื่อให้เกิดผลดีที่สุด คือเรามีคนที่ชอบคิด และทำเองทั้งหมด แต่ถ้าไม่ได้ ก็ต้องหาคนที่ถนัดมาช่วยทำ ทำงานกันเป็นทีม มีผู้เล่นครบ ผมมุ่งเน้น ปลูกฝังให้พนักงานชอบคิด ลองทำสิ่งใหม่ ๆ และต้องมีทีมเวิร์คที่ดี มีการติดตามผลปฏิบัติงานอย่างเป็นระบบ ผสานกับกระบวนการประเมินผลการปฏิบัติงานประจำปี”
กว่า 10 ปีที่ผ่านมา ผู้บริหารและพนักงานทุกคนของเซ็นทรัลรีเทล ได้ช่วยกันคิดและนำเสนอแผนธุรกิจ พัฒนางานด้านต่าง ๆ ของตัวเองให้ครอบคลุมในหลายด้าน เรียกสั้นๆว่า G-BEST คือ
คิดแผนงานช่วยสร้างการเจริญเติบโต เพิ่มยอดขาย (Growth), แผนงานช่วยการสร้าง Brand เพิ่มชื่อเสียงและภาพลักษณ์, แผนงานช่วยเพิ่มผลกำไร หรือเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน (Efficiency), แผนงานช่วยพัฒนาระบบงานและกระบวนการทำงานภายในให้ดี (System) และแผนงานช่วยพัฒนาบุคลากร ส่งเสริมการทำงานให้เป็นทีม (Teamwork) ที่ผ่านมา บริษัทได้ความคิดใหม่ ๆ เป็นแผนธุรกิจ ปีหนึ่ง ๆ นับพันเรื่อง
ปัจจุบัน กลุ่มธุรกิจค้าปลีกของเซ็นทรัลรีเทลมีสาขาทั้งหมด มากกว่า 600 สาขา มีทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็ก ทั้งนี้ ไม่รวม Central Family Mart อีกประมาณ 900 สาขา มีการขยายตัวไปต่างจังหวัดและต่างประเทศมากขึ้นเรื่อย ๆ
“ผมคิดว่า การบริหารงานควรมอบหน้าที่ความรับผิดชอบ และอำนาจในการตัดสินใจ ให้กับหน่วยงานและพนักงานที่อยู่ตรงจุดนั้น เพื่อให้เกิดการตัดสินใจ การบริการลูกค้า และการแข่งขัน ที่ดีและเร็วขึ้น พนักงานเองจะมีความรู้สึกเป็นเจ้าของ เกิดความสนุก และเกิดความภาคภูมิใจในงานที่ทำ”
5. พัฒนาทุกคน ทุกระดับ เพื่อยกระดับให้เป็นคนเก่ง และเป็นผู้นำที่ดี
กว่า 10 ปี ที่คุณทศมุ่งเน้นด้านการพัฒนาฝึกอบรม โดยยกระดับศูนย์ฝึกอบรมขึ้นมาเป็น Central Retail Academy มีการแบ่งกลุ่มภาควิชาออกเป็น 3 ประเภท คือวิชาที่เกี่ยวกับงานเฉพาะด้าน เพื่อช่วยให้ทำงานได้ดีขึ้น เช่น จัดซื้อ การตลาด การขาย บัญชีการเงิน IT เป็นต้น กลุ่มประเภทที่สอง คือ วิชาที่เกี่ยวกับการบริหารจัดการทั่วไป และกลุ่มประเภทที่สามคือ วิชาเพิ่มทักษะในการดูแลคน
จำนวนหลักสูตรในภาควิชาทั้งหมด มีการพัฒนาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากเริ่มต้นในปี 2550 มี 200 หลักสูตร ปัจจุบันเพิ่มขึ้นเป็น 320 หลักสูตร เพื่อให้พนักงานทุกคน ทุกระดับ ที่อยู่ในเซ็นทรัลรีเทลได้เรียนรู้ต่อยอดตลอดเวลา โดยมีเป้าหมายเพื่อให้พนักงานทุกคนของบริษัท เป็นคนชอบคิด ชอบทำ เป็นคนเก่ง และเป็นผู้นำที่ดี มีโอกาสเจริญเติบโตในสายอาชีพ ไปพร้อมกับการเติบโตของธุรกิจ
การพัฒนาบุคลากร เซ็นทรัลรีเทลมีแผนพัฒนารายบุคคล (Individual Development Plan) สำหรับผู้บริหารระดับผู้อำนวยการขึ้นไปจนถึงผู้บริหารระดับสูง และมีแผนพัฒนาตามเส้นทางอาชีพ (Training Roadmap) สำหรับระดับพนักงาน จนถึงระดับผู้จัดการฝ่าย
นอกจากนี้ คุณทศยังเน้นพัฒนากลุ่มพนักงานที่มีศักยภาพสูง (กลุ่ม High Potential) ให้มีคุณสมบัติเพิ่มเติมในด้านการสร้างการเจริญเติบโตให้กับองค์กร จัดทำเป็นโครงการเพื่อต่อยอดธุรกิจ และระบบ Mentor มีผู้บริหารระดับสูงทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยง เพื่อยกระดับมุมมองการคิดเชิงกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับทิศทางธุรกิจที่บริษัทกำลังจะก้าวไป
คุณทศได้ให้สัมภาษณ์ปิดท้ายว่า
“ผมขอฝากไว้ว่า องค์กรจะดีได้ ทุกอย่างต้องเชื่อมโยงกันหมด หัวใจไม่ได้อยู่ที่ผู้นำเพียงคนเดียว แต่อยู่ที่การบริหารจัดการให้ถูกต้อง มีระบบที่ชัดเจน สร้างคนให้เก่ง ผลักดันให้โต ผสมผสานทีมเวิร์คให้ดีและดูแลพนักงานทุกคนให้ดี เมื่อเวิร์คด้วยกันครบทุกรูปแบบแล้ว องค์กรก็จะเดินหน้าไปได้อย่างต่อเนื่อง มีความสำเร็จทั้งคน สำเร็จทั้งองค์กร”