ย้อนกลับไปเมื่อ เดือนมีนาคม ปี พ.ศ. 2556 หนังไทยเรื่อง “พี่มาก..พระโขนง” สร้างปรากฏการณ์ทำเงินถล่มทลาย เก็บรายได้จากผู้ชมเฉพาะกรุงเทพฯ และปริมณฑล เกือบ 600 ล้านบาท ติดอันดับ “หนังไทยทำเงินสูงสุดตลอดกาล” จนถึงทุกวันนี้
และแน่นอน เมื่อ ‘รายได้รวมทั้งประเทศ’ ของ “พี่มาก..พระโขนง” แตะหลักพันล้านบาท ผู้กำกับ โต้ง บรรจง ปิสัญธนะกูล ก็ได้รับฉายาจากสื่อมวลชนและคนในวงการบันเทิงทันทีว่า “ผู้กำกับพันล้าน”
เขาคนนี้ นอกจากจะประสบความสำเร็จจาก “พี่มาก..พระโขนง” ผลงานก่อนหน้า ไม่ว่าจะเป็น “ชัตเตอร์ กดติดวิญญาณ” (พ.ศ. 2547), “แฝด” (พ.ศ. 2550), “สี่แพร่ง ตอน คนกลาง” (พ.ศ. 2551), “ห้าแพร่ง ตอน คนกอง” (พ.ศ. 2552) และ “กวน มึน โฮ” (พ.ศ. 2553) ล้วนประสบความสำเร็จด้านรายได้และคำวิจารณ์
ทั้งยังได้รับการพูดถึงในวงการภาพยนตร์โลก นักข่าวบันเทิงนานาชาติรู้จักเขาในฐานะ “หนึ่งในผู้กำกับไทยชั้นแนวหน้า”
ในโอกาสที่ “แฟนเดย์..แฟนกันแค่วันเดียว” ผลงานการกำกับหนังเรื่องใหม่ของเขา เข้าฉายอยู่… ผมมีโอกาสได้สัมภาษณ์ และขอให้เขาช่วยสรุป “5 กฏเหล็กสู่ความสำเร็จ” มาฝากแฟน ๆ Leader Wings ซึ่งมีดังต่อไปนี้…
1. PASSION
“คำแรก น่าจะเป็นคำว่า ‘Passion’ เพราะแต่ละงานที่ผมเลือกทำ จะเป็นงานที่ผมโคตรจะมี Passion
อาชีพของผมคือผู้กำกับภาพยนตร์ ต้องคอนโทรลคน ทำงานกับคนเยอะมาก Passion ที่มาก ๆ จะช่วยทำให้ทั้งกอง ‘อิน’ ไปด้วย เมื่อ ‘อิน’ ก็จะดึงพลังของทุกคนให้มี Passion ตามมาด้วย
ผมเลยคิดว่า หนังของผม ยังไงก็ตาม จะมีความรู้สึกตรงนี้อยู่ เพราะ Passion เป็นพลังความอยากของทุกคนที่ปรากฏอยู่บนจอครับ”
2. กล้าโง่
“ยิ่งเติบโตขึ้น เราจะ ‘กล้าโง่’ ตอนเด็ก ๆ จะเป็นมากเลย คือรู้สึกว่า ‘เรากลัวโง่’ ไม่รู้อะไร ก็ทำเป็นรู้ หรือไม่กล้าถาม แต่พอเราโตขึ้น ทำงานมาเยอะ เรารู้สึกว่า ‘แล้วไงวะ’ ก็เราไม่รู้จริง ๆ เราก็ถามไปสิ!
พอเราถามออกไป มันทำให้คนอยากจะทำสิ่งต่าง ๆ ให้เรา ถ้าเราไม่รู้ เราก็ถามไปตรง ๆ แล้วเราก็สามารถคอมเมนท์ในสิ่งที่เรารู้ได้ มันทำให้การทำงานไม่ต้องมีฟอร์ม แล้วก็ราบรื่นขึ้นเยอะ
สมัยก่อน ที่เขาพูดว่า ‘เท่แต่กินไม่ได้’ ผมมีความรู้สึกว่า ถ้าเราบอกว่า ‘เราไม่รู้’ แล้วชวนคนที่รู้จริง ๆ มาช่วยเติมเต็ม งานเราจะยิ่งดีขึ้นครับ”
3. อย่าซ้ำรอยตัวเอง
“ถ้าเราทำเหมือนเดิมทุกครั้ง คงไม่มีอะไรใหม่ ไม่มีอะไรน่าสนใจ… ยกตัวอย่าง ถ้าเป็นหนัง ซึ่งเป็นอาชีพผม ถ้าทำเหมือนเดิมทุกครั้ง ประมาณรู้สึกว่า ‘ถ้าทำอย่างนี้แล้วได้แน่นอน’ มันจะไม่มีทางได้!
เพราะคนดูโตขึ้นทุกวัน เขาไม่อยากดูอะไรที่เหมือนเดิม ต้องกล้าที่จะออกจาก Safe Zone ของตัวเองนิดนึง ทำอะไรใหม่ ๆ บ้าง อาจจะไม่ได้ใหม่แบบฉีกไปสุด ๆ แต่อย่างน้อย เราต้องรู้สึกเองว่า ‘เออ เรายังตื่นเต้นอยู่’
ต้องยังมีความกังวลอยู่บ้าง ถ้าทำอะไรออกไปได้อย่างง่ายดาย ผมรู้เลยว่า งานเรื่องนี้เจ๊งแน่นอน! เพราะมันจะเข้าแก๊บ เข้าตีนเราไปหมด เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว มันจะง่ายเกินไป รับรองเลยว่างานชิ้นนั้นจะไม่สำเร็จครับ”
4. สนใจมนุษย์
“จริง ๆ ไม่ใช่แค่ทำหนังนะครับ ผมว่า จะทำอาชีพนักบัญชี เป็นนักบริหาร ทำอะไรก็ตาม ล้วนต้องทำงานกับคน ต้องเข้าใจคน ต้องมีจิตวิทยาในการทำงาน
เราต้อง ‘สนใจคน’ ไม่ใช่ว่าเราทำของเราคนเดียว มันไม่ได้! และยิ่งหนังเป็นการเล่าเรื่องคน ไม่ว่าจะเป็นแนวไหนก็ตาม จะเป็นหนังแอ็คชั่น ตลกเถิดเทิง ยังไงก็ตาม สุดท้ายคือเราตามคนอยู่ เราไม่ได้ตามเทคนิคพิเศษอลังการ หรือโปรดักชั่นงานสร้างใหญ่โต
ยิ่งเราสนใจคน เข้าใจคนมากเท่าไหร่ ย่อมมีสิทธิ์ที่จะทำหนังได้จับใจคนดูมากขึ้นเท่านั้นครับ”
5. ซีเรียส และปล่อยวาง
“ผมรู้สึกว่า คำสองคำนี้ต้องไปด้วยกัน ผมเอง ถ้าใครเคยทำงานด้วย จะรู้ว่าผมเป็นคนทำงานจริงจังมาก แล้วก็เป็นคนเตรียมงานแบบโคตรเป๊ะ! เพราะเราติดการทำงานโฆษณามา เราก็อยากจะเห็นทุกอย่างก่อน ทำให้รู้สึกสบายใจ ไม่งั้นเราก็จะนอยด์
แบบว่าไปถึงแล้ว อุปกรณ์ประกอบฉากจะใช่หรือเปล่า มันจะถูกต้องอย่างที่เราคิดไหม จะดูดีไหม เมื่อเราทำงานมาถึงนาทีนี้แล้ว แน่นอน เรายังเตรียมงานเป๊ะเหมือนเดิม! เพียงแต่ตอนถ่ายทำ ผมจะปล่อยวางมากขึ้น พร้อมจะแบบ… ซีนนี้ไม่น่าจะได้ใช้ เราก็ไม่เอาละ! แบบนี้ก็มี!!! หรือไม่ก็เปลี่ยนวิธีถ่าย เปลี่ยนบทพูดกันตรงนั้น
เหมือนเชื่อในเซ้นส์ตัวเองมากขึ้น… แต่ต้องค่อย ๆ เรียนรู้ตัวเราเองนะ ว่าทำได้ไหม ต้องสร้างความสมดุล ระหว่าง ‘ความจริงจังกับการปล่อยวาง’ ผมว่าวิธีนี้จะได้ผลงานที่รีแลกซ์ และก็ดีด้วย”
ฝากทิ้งท้าย ถึงคนที่อยากเป็นผู้กำกับภาพยนตร์
“สำหรับคนที่อยากเป็นผู้กำกับภาพยนตร์นะครับ สมัยนี้ ผมว่ามันง่ายมากเลย แค่สร้างงานตัวเองขึ้นมา เมื่อสร้างงานที่ดีชิ้นหนึ่งขึ้นมาได้ ผมว่าคนตามล่าหาตัวกันเลยนะ แล้วในแง่อุปกรณ์การถ่ายทำสมัยนี้ มันง่ายมากเลย นักเรียนมัธยมฯ ก็ถ่ายหนังสั้นกันได้แล้ว
แต่อาจจะไม่ใช่งานชิ้นแรกหรอกนะ ที่จะโดดเด่นจนคนตามหาคุณ ต้องฝึกฝนไปเรื่อย ๆ ส่งประกวด ทำคลิป จนเกิดเป็นไวรัลขึ้นมาเอง สมัยนี้ หนังสั้นของเด็กที่ไหนก็ไม่รู้ กลายเป็นไวรัลได้ ถ้ามันแปลกใหม่และสนุกจริง ๆ
ผมมองว่า หนังเป็นศาสตร์ที่ไม่ต้องเรียนในสถาบันการศึกษาก็ได้ สามารถเรียนรู้ด้วยตัวเอง ทดลอง คิดเยอะ ดูเยอะ ทำเยอะ แล้วก็หาตัวเองให้เจอ แล้ววันหนึ่งก็อาจจะมีคนเห็นงานของเรา แล้วดึงเข้ามาในวงการ”
“ผมรู้สึกว่า สิ่งสำคัญที่สุดเลยคือ Show Reel นี่แหละ…”
สำหรับคนที่อยากทำงานเบื้องหลัง อยากเป็นผู้กำกับ… หลังจากได้อ่าน-ได้ฟังไอเดียของ “ผู้กำกับพันล้าน” อย่ามัวรอช้า หยิบอุปกรณ์ขึ้นมาสร้างผลงานด้วย Passion อันเต็มเปี่ยม… ไม่แน่ ผลงานของคุณอาจเป็นไวรัลเจ๋ง ๆ ที่มีคนตามล่าตัวคุณ ก็เป็นได้ครับ