สวัสดีครับ สำหรับ Leader Wings ในวันนี้ผมได้มีโอกาสดูเทปรายการอายุน้อยร้อยล้านในตอนของคุณทิม พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ นักธุรกิจหนุ่มที่เริ่มต้นธุรกิจในวัย 25 ปี เริ่มต้นด้วยชีวิตติดลบจากมรดกหนี้กว่าร้อยล้าน และใช้เวลาเพียงแค่ 3 เดือน ในการปลดหนี้ สู่เจ้าของธุรกิจพันล้านจากน้ำมันรำข้าว
คุณทิมได้เริ่มต้นเล่าถึงประโยชน์ของรำข้าวสกัดที่ต่างชาติให้การยอมรับว่า มีวิตามินสูงและมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระสูง ถ้าให้ถามคนทั่วๆ ไป เวลานึกถึงการขายข้าวก็อาจจะนึกเมล็ดข้าวเท่านั้น แต่อันที่จริงแล้ว แทบจะทุกส่วนของต้นข้าวนั้น สามารถนำมาใช้ประโยชน์ต่อได้ไม่ว่าจะเป็น เมล็ดข้าว จมูกข้าว ปลายข้าว แกลบ และรำข้าว ซึ่งที่ผ่านๆ มาเรามักจะใช้รำข้าวในการถมที่ ทำปุ๋ย ไม่ก็เลี้ยงหมู แต่ด้วยการสังเกตของคุณทิมนั้นเล็งเห็นว่า ทำไมประเทศญี่ปุ่นถึงมีการซื้อรำข้าวต่อกิโลกรัมในราคาที่สูง ดังนั้นรำข้าวมันต้องมีมูลค่ามากกว่าที่เราคิดเอาไว้แน่ๆ
ซึ่งสิ่งที่สำหรับได้ในทันทีจากการที่ฟังคุณทิมให้สัมภาษณ์ก็คือ เป็นคนที่มีข้อมูลเกี่ยวกับข้าวเยอะมากๆ รู้แบบละเอียดยิบเลยว่า ถ้าจะลงมาเล่นตลาดรำมันรำข้าวนั้นจะต้องได้เปรียบอย่างแน่นอนไม่ว่าจะเป็นในด้านของ
วัตถุดิบรำข้าวในประเทศไทยนั้นมีมากอยู่แล้ว และที่ได้เปรียบกว่าต่างประเทศที่ปลูกข้าวด้วยก็คือ การปลูกข้าวในประเทศไทยมีการกระจุกตัวและรวบรวมวัตถุดิบได้ดีกว่าต่างประเทศที่มักจะกระจายตัวของนาข้าว Innovation ที่มีน้อยรายมากที่จะสามารถมีความรู้ในการสกัดน้ำมันรำข้าวออกมา ทำให้คู่แข่งลดน้อยลงไปอีก ปฏิวัติวงการขายข้าว เพราะถ้าเรามองการขายข้าวเป็นล้านๆ ตัน แต่เม็ดเงินที่ได้กลับคืนมานั้นดูแลอาจจะไม่สูงมากนัก แต่ในขณะที่น้ำมันรำข้าวสามารถทำรายได้นับพันล้านบาทแถมยังใช้วัตถุดิบน้อยกว่าการขายข้าวแบบปกติซะอีกต้องรู้รายละเอียดในธุรกิจที่คุณทำอยู่ให้ได้มากที่สุด
คุณทิมได้แชร์แนวคิดที่น่าสนใจอีกมุมหนึ่งคือเราต้องกำหนดราคาของสินค้าตัวเองขึ้นมาเอง ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเป็นแบบเดิมๆ ก็คือ เราปลูกข้าวขึ้นมา แล้วราคาขายก็ต้องขึ้นอยู่กับราคาตลาดบ้าง ราคาพ่อค้าคนกลางบ้าง แต่คุณทิมได้เสนอคิดมุมกลับก็คือ ยกตัวอย่างเช่นต่างประเทส ที่ผลิตร้านกาแฟโดยตั้งราคาขึ้นมาเอง ร้านขายเสื้อผ้าแฟชั่นที่กำหนดราคาเอง แล้วให้ผู้ซื้อเป็นคนตัดสินใจ สรุปง่ายๆ ก็คือ ถ้าเราสามารถกำหนดราคาสินค้าของเราเองขึ้นมาได้ ก็จะสามารถหลีกเลี่ยงสงครามราคาได้อีกด้วย เพราะคนจะพุ่งเป้าไปที่คุณค่าที่สินค้าเรามอบให้มากกว่าราคาในท้องตลาดทั่วๆ ไป
โดยคุณทิมยังได้กล่าวอีกด้วยว่า จริงๆ แล้วในประเทศไทยเรานั้นมีวัตถุดิบที่เพรียบพร้อมกว่าต่างประเทศมากๆ ขาดก็แต่ความรู้ในการนำวัตถุดิบไปเพิ่มมูลค่า ดังนั้นถ้าเราสามารถนำความรู้มาพัฒนาวัตถุดิบด้านการเกษตรที่มีอยู่อย่างมากมายในบ้านเรา ก็สามารถที่จะเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าของเราได้อย่างมหาศาลและนอกจากนั้นการนำน้ำมันรำข้าวมาเป็นผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพ ทำให้มูลค่าของตัวสินค้าสูงขึ้นไปหลายเท่าตัว เพราะขนาดของตลาดอาหารเพื่อสุขภาพนั้น ทั่วโลกมีมูลค่าสูงถึง 1.8 ล้านล้านบาท เลยทีเดียว
และจากที่เล่ามาในตอนต้นนั้นดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่สำเร็จเพียงข้าวคืน แต่จุดเริ่มต้นของคุณทิมนั้น อย่าเรียกว่าเริ่มต้นจากศูนย์เลย เพราะหลังจากที่สูญเสียคุณพ่ออันเป็นที่รักไป และมรดกที่เหลือทิ้งไว้ก็คือหนี้สินอีกร้อยกว่าล้านบาท และหลังจากที่จะต้องรับช่วงต่อจากคุณพ่อ ปัญหาที่ใหญ่กว่าการมาคุมเครื่องจักรในโรงงานนั่นก็คือเรื่องคน เพราะคุณทิมได้นำคำสอนที่ว่า “คุมเครื่องน่ะง่าย แต่คุมคนคุมยาก” มาใช้คุยกับคนในองค์กร และตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ก็ยังคงร่วมทำงานมาด้วยกันตลอด
คุมเครื่องน่ะง่าย แต่คุมคนคุมยาก
และนอกจากนั้นธุรกิจน้ำมันรำข้าวที่หลังจากสกัดออกมาแล้วนั้น สามารถนำไปต่อยอดได้โดยทำเป็นอาหารเสิรมและใช้ในส่วนประกอบของเครื่องสำอาง ยังสามารถนำรำข้าวที่ถูกสกัดน้ำมันออกไปแล้วก็จะเหลือรำข้าวที่มีโปรตีนและไฟเบอร์นำไปผลิตเป็นขนมคบเคี้ยวได้อีกด้วย
ทีนี้มาอีกประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจไม่แพ้กันเลยก็คือ คุณทิมปลดหนี้ร้อยล้านได้ยังไงกัน ปัญหาแรกสุดที่เจอเลยก็คือ เรื่องของ “คน” เพราะต่อให้มีเครื่องจักรดีแค่ไหน แต่ถ้าไม่มีคนคุมเครื่องจักรมันก็ไม่มีความหมายอะไรเลย เพราะฉะนั้นสิ่งแรกที่คุณทิมทำก็คือ ต้องสร้างความมั่นใจให้กับคนในบริษัท ด้วยคำมั่นสัญญาอย่างหนักแน่นว่า “ผมจะมากอบกู้กิจการของบริษัทเองขอให้ทุกคนช่วยทำงานกับผมก่อน”
โดยเปลี่ยนทัศนคติจากเดิมรุ่นคุณพ่อลักษณะการทำงานจะเป็น Work for หรือการทำงานเพื่อเจ้าของบริษัท
แต่สำหรับคุณทิมใช้คำว่า Work with คือการทำงานร่วมกับผม เพราะตัวคุณทิมเองไม่มีความรู้อะไเกี่ยวกับโรงงานเลย จึงต้องพึ่งความรู้ความสามารถของคนในทีม แต่สิ่งที่คุณทิมจะทำก็คือ การวิเคราะห์ การกำหนดทิศทางด้วยการตั้งคำถามที่ถูกต้อง เพราะถ้าตั้งคำถามได้ถูก ก็จะเดินไปทิศทางที่ถูกต้องและสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างแน่นอน ตั้งคำถามให้ถูก แล้วคุณจะแก้ปัญหาได้ถูกทางอย่างแน่นอน
จากเดิมที่คุณพ่อกู้มา 100 ล้าน และใช้ในการก่อสร้างโรงงานไปแล้วกว่า 80 ล้าน เพราะฉะนั้นเงินสดที่เหลือให้คุณทิมก็คือเงินจำนวน 20 ล้านสุดท้าย ซึ่งเงินก้อนนี้อาจจะดูเหมือนเยอะในสายตาคนทั่วๆ ไป แต่ค่าใช้จ่ายรายวันที่จะต้องไปซื้อวัตถุดิบเพื่อมาผลิตน้ำมันรำข้าวนั้นสูงถึงวันละ 3 ล้านบาท เพราะฉะนั้นไอ้เงินสดที่มีอยู่ในมือ 20 ล้านบาทนั้น ใช้ได้ไม่เกิน 7 วันเท่านั้น 1 วันก็แล้ว 2 วันก็แล้ว 3 วันก็แล้ว แต่คุณภาพของน้ำมันรำข้าวก็ยังไม่ผ่านคุณภาพที่จะขาย จนสุดท้ายเหลือเงินสดแค่ 4-5 ล้านบาทเท่านั้น และในที่สุดวันที่ 5 ก็สามารถสกัดน้ำมันรำข้าวสีทองอร่ามเพื่อเตรียมส่งออกไปขายได้แล้ว
แต่ปัญหาก็ยังไม่จบเพียงเท่านั้น เพราะนอกจากจะต้องหาคู่ค้าที่รับซื้อน้ำมันรำข้าวจากประเทศญี่ปุ่นได้แล้ว ก็ยังต้องเจรจากับโรงสีข้าวที่เป็นแหล่งวัตถุดิบตั้งต้น โดยนำใบสั่งซื้อสินค้าจากญี่ปุ่นและใบกำกับคุณภาพน้ำมันรำข้าว ไปเจรจาเพื่อขอเครดิตในการสั่งซื้อวัตถุดิบ จนในท้ายที่สุดก็สามารถเจรจาสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี จนสามารถปลดหนี้ก้อนแรกได้ภายใน 3 เดือน และใช้เวลา 4 ปี ในการสร้างธุรกิจพันล้านขึ้นมา ทิม พิธา ลิ้มเจริญรัตน์
ความเชื่อคือสิ่งที่จะนำพาตัวคุณไปสู่หนทางการประสบความสำเร็จ