เคยเป็นมั้ย อยู่ ๆ ก็รู้สึกว่า ชีวิตตอนนี้ดูจำเจ น่าเบื่อ คิดอะไรก็ไม่ออก สมองดูตัน ๆ ตื้อ ๆ เหมือนคนกำลังหมดไฟ ไม่มีไอเดีย ไม่มีความคิดใหม่ๆ ในการทำงานเลย
วันนี้เรามีตัวช่วยดี ๆ ในการสร้างไอเดีย สร้างแรงบันดาลใจมาให้คุณกันค่ะ
1.อ่านหนังสือ
การอ่านหนังสือ ดิฉันว่าเป็นสิ่งที่หลาย ๆ คนรู้กันอยู่แล้วค่ะ ว่าเป็นการสร้างความรู้ให้กับตัวเอง ซึ่งหนังสือมันก็มีหลายประเภทให้เราอ่าน เราสามารถเลือกได้ ตามใจชอบ หรือถ้าคุณยากรู้เรื่องอะไร ก็หาหนังสือเกี่ยวกับเรื่องนั้นมาอ่าน
มีหนังสือเล่มนึงที่ดิฉันอยากแนะนำให้ทุกคนได้อ่านกัน
ดิฉันว่าหนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับตัวเองมากๆเลยค่ะ คือ หนังสือ The steve Jobs Ways มีหนังสือมากมายเกี่ยวกับ สตีฟ จ๊อบส์ แต่พอได้อ่านเล่มนี้โดยส่วนตัวอ่านแล้วรู้สึกสนุกค่ะ เพราะเหมือนเรากำลังดูภาพยนต์อยู่เรื่องนึง มีวิธีการเล่าเรื่อง ถ่ายถอดออกมาได้น่าติดตามมาก
เราประทับใจกับประโยคนึงในหนังสือ เค้าเขียนไว้ว่า
“เมื่อคุณต้องผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบาก คนส่วนใหญ่จะล้มเลิก แต่ผมไม่ตำหนิพวกเขาหรอก เพราะคุณไม่มี ทางรู้ว่า กว่าจะสำเร็จ มันเอาชีวิตพวกเขาไปมากแค่ไหน”
เป็นประโยคนึงที่ทำให้เรารู้สึกไม่เหนื่อยในการดำเนินชีวิต แม้ยังไม่เห็นปลายทางแห่งความสำเร็จ แค่ประโยคนี้ ประโยคเดียวก็ทำให้เราได้แรงบันดาลใจในการใช้ชีวิต และทำให้ก้าวเดินไปต่อได้อย่างมุ่งมั่นเลยค่ะ
2.ออกไปเที่ยวต่างจังหวัดบ้าง
การออกไปเที่ยวนอกจากจะช่วยให้ผ่อนคลายแล้ว
คุณเชื่อมั้ยคะว่า….
การออกไปเที่ยวทำให้คนเราฉลาดขึ้น!!
คุณจะได้อะไรหลายๆอย่างจากการออกเที่ยวต่างจังหวัด หรือถ้าเงินในกระเป๋าหนักหน่อยก็ ไปลุย ต่างประเทศเลยค่ะ
พอเราได้เห็นอะไรแปลกๆใหม่ๆขึ้น ทั้งสถานที่ ผู้คน วัฒนธรรม ความเป็นอยู่ อาหารการกิน
สิ่งเหล่านี้แหละค่ะที่จะทำให้คุณได้ไอเดียใหม่ ๆ รวมถึงแรงบันดาลใจต่างๆ
เพราะเราจะได้เห็นสิ่งที่แตกต่างไปจากชีวิตประจำวัน ซึ่งมักจะมีอะไรแปลกใหม่ให้เราได้เรียนรู้ตลอดทริปการเดินทาง
คุณยังจะได้พูดคุยกับคนแปลกหน้า ซึ่งการพูดคุยกับคนแปลกหน้า คุณอาจจะได้ความคิดหรือความรู้ใหม่ ๆ ที่ต่างไปจากหนังสือหรือทฤษฎีต่าง ๆ
ครั้งนึงเราเคยไปเกาะพงัน ไปพักผ่อนอยู่ 2-3 วัน วันแรกเจอแต่ร้านอาหาร ขายตามสั่ง จานละ 100-200 บาท ทั้งนั้นเลย เดินไปทางไหนก็มีแต่ราคานี้ ก็เป็นธรรมดาของเมืองท่องเที่ยวอยู่แล้วหละค่ะ ที่ราคาอาหาร ข้าวของเครื่องใช้ จะสูงขึ้นกว่าปกติ
พอมื้อเย็นวันที่ 2 เดินไปเจอร้านอาหารร้านหนึ่ง ขายอาหารตามสั่ง รายการอาหารที่เขียนอยู่บนกระดาน ราคาก็เริ่มต้นที่ 40 บาท สั่งข้าวกระเพราปลาหมึกมา 1 จาน ปริมาณก็ไม่น้อยเลย แถมรสชาติดีอีกด้วย ซึ่งถ้าเป็นเมืองท่องเที่ยว ที่ต้องข้ามเกาะแบบนั้น ราคา กับปริมาณขนาดนี้ ถือว่าถูกมากค่ะ เราเลยถามคุณป้าเจ้าของร้านว่า ทำไมขายถูกจัง คุณป้าบอกว่า
“ถ้าป้าขายแพงแล้วคนบนเกาะที่เค้าไม่ใช่นักท่องเที่ยว เค้าจะกินอะไร ต้องทำกับข้าวกินเองทุกมื้อเลยเหรอ ป้าขายราคานี้ก็ไม่ได้ขาดทุนนะหนู แค่กำไรมันไม่เยอะเท่านั้นเอง”
เรามาคิด เออก็จริงนะ แล้วคนอื่นที่เค้าต้องมาทำงาน หรือคนที่อยู่บนเกาะหละ คงจะกินอาหารแพงๆราคานักท่องเที่ยว ทุกๆวันไม่ไหวแน่ๆ ป้าใจดีจังเลย บางทีเงินเยอะๆก็ไม่ใช่คำตอบของทุกคนเสมอไป แล้วยังทำให้เรารู้อีกว่า ร้านอาหารในเมืองท่องเที่ยวที่ไม่แพงก็ยังมีอยู่ และเค้าก็สามารถอยู่ได้แบบไม่ขาดทุนอีกด้วย
มีหลายคนได้อะไรจากการไปท่องเที่ยวเยอะแยะมากมายแตกต่างกันไป ถ้าคุณมีเวลาว่าง ลองแพ็คกระเป๋าแบกเป้ ออกไปเที่ยวกันดูสิคะ
3.ลองคุยกับเด็ก ๆ
ดูเหมือนจะเป็นเรื่องตลก เราจะได้อะไรจากการคุยกับเด็กน้อยไร้เดียงสาซักเท่าไหร่กันเชียว ?
แต่คุณรู้ไหมคะว่า เด็กที่คุณมองว่าไร้เดียงสา ใสซื่อ เปรียบเหมือนผ้าขาว ไม่มีประสบการณ์หรือความรู้อะไรให้คุณค้นหานั้น พวกเค้ามีสิ่งหนึ่งที่ผู้ใหญ่ไม่มี คือจินตนาการ ที่ล้ำเลิศ ไม่ได้ถูกปิดกั้น เพราะเค้ายังไม่รู้ว่า อะไรเป็นไปได้ หรือเป็นไปไม่ได้
บางคนคุยกับเด็กแล้ว อาจจะรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องเพ้อเจ้อ แต่ก็ยังมีอีกหลาย ๆ คน ที่ได้อะไรมากมายกลับมาจากการพูดคุยกับเด็ก ๆ และเอาสิ่งเหล่านั้น มาประยุกต์ใช้เป็นไอเดีย เป็นแรงบันดาลใจการใช้ชีวิต
เพราะบางเรื่องผู้ใหญ่อย่างเรา ๆ มีกฎเกณฑ์ และถูกตีกรอบทางความคิดมากเกินไป จนทำให้ไม่กล้าคิดไม่กล้าทำอะไรนอกกรอบหลาย ๆ อย่าง
มีเด็กแถวบ้านดิฉันคนนึงชื่อน้องอิง เค้าเพิ่งเข้าเรียนอนุบาลจะร้องไห้ งอแง ทุกเช้าก่อนไปโรงเรียน ร้องอยู่นานเป็นเดือน สองเดือน
พอวันนึงเค้าเลิกร้องไห้ วันนั้น ตอนเช้าดิฉันก็เจอเค้ากำลังเตรียมตัวไปโรงเรียนพอดี ปกติเราก็จะทักทาย เล่นคุยกันอยู่แล้ว เราเลยถามเค้าว่า “ทำไมวันนี้น้องอิงถึงไม่ร้องไห้แล้วหละคะ” เค้าตอบกลับมาว่า
“เดี๋ยวนี้ที่โรงเรียนสนุกแล้ว” ดิฉันก็เลยถามต่อไปว่าสนุกยังไงเหรอ เค้าบอกว่า “หนูมีเพื่อนแล้ว ไม่เหมือนตอนแรกๆที่ไปโรงเรียนไม่มีเพื่อนเล่นเลย ตอนนั้นหนูก็เลยไม่อยากไปโรงเรียน”
พอคุยกับน้องอิงจบ ก็ทำให้เรากลับมาคิดได้ว่า
“มนุษย์ไม่ว่าจะอยู่ในวัยไหนก็ตาม ย่อมกลัวการเปลี่ยนแปลง แต่สุดท้ายก็ต้องปรับตัวให้เข้ากับมันได้อยู่ดีแหละ”
4.ดูหนังบ่อยๆ
การดูหนังไม่ใช่เป็นเพียงแค่การสร้างความบันเทิง เพลิดเพลิน ผ่อนคลาย แต่เป็นการได้เรียนรู้อีกทางหนึ่ง แบบที่เราไม่รู้ตัว
คุณลองสังเกตุตัวเองดูสิคะ หลังจากดูหนังจบ คุณจะรู้สึกว่าได้ข้อคิดใหม่ ๆ จากหนังเรื่องนั้นเสมอ ไม่ว่าจะเป็นหนังดราม่า ตลก เบาสมอง หนังรัก หนังสงคราม ทุก ๆ เรื่องสามารถให้ข้อคิดกับคุณได้
บางคนการดูหนังบางเรื่องก็สามารถเปลี่ยนแนวทางในการดำเนินชีวิตได้เลย
ภาพยนตร์เรื่องนึงที่อยู่ในความทรงจำของใครหลายๆ คน คือ เรื่อง Toy story ถึงแม้จะดูเป็นหนังเด็ก ๆ แต่สำหรับดิฉันหนังเรื่องนี้ มีข้อคิดแฝงไว้ แล้วนำมาประยุกต์ใช้กับชีวิตเราได้เหมือนกันนะคะ
“ของเล่น เป็นเรื่องของความทรงจำในวัยเด็ก ไม่ว่าคุณจะรู้สึกมีความสุขกับมันขนาดไหน สุดท้ายเราก็ไม่สามารถอยู่กับเรื่องราวดีๆอันสดใสนั้นได้ตลอดไปหรอกค่ะ แต่เราสามารถเก็บมันไว้เป็นความทรงจำได้ ความทรงจำที่นึกถึงเมื่อไหร่ก็ยังมีกลิ่นไอแห่งความสดใสและความสุขเสมอมา เพราะสุดท้ายแล้วชีวิตเราก็ต้องอยู่กับปัจจุบัน ในฐานะและเวลาที่เหมาะ”
เห็นมั้ยหละคะว่า ข้อคิดดี ๆ แรงบันดาลใจต่าง ๆ ที่แฝงมากับหนัง ไม่จำเป็นต้องอยู่กับหนังดราม่าเสมอไป
5 เปลี่ยนวิถีชีวิตประจำวัน
การเปลี่ยนวิถีชีวิตประจำวันในที่นี้ ไม่ได้หมายถึง การหยุดงานแล้วไปหาอะไรอย่างอื่นทำนะคะ แบบนั้นคงไม่ดีแน่ ๆ ค่ะ โดนเจ้านายดุหรือเสียงาน คงแย่เลย
แต่ที่พูดถึงคือการเปลี่ยนแปลงวิธีการดำเนินชีวิตที่แตกต่างไปจากเดิม เช่น คุณลองตื่นให้เช้าขึ้นดูสิคะ แล้วลองเปลี่ยนวิธีการเดินทาง อย่างปกติคุณอาจจะนั่งวินมอเตอร์ไซค์ในระยะทางสั้น ๆ ก็ลองเปลี่ยนเป็นการเดินดูค่ะ
คุณอาจจะได้อะไรดี ๆ มีไอเดียใหม่ ๆ ระหว่างที่คุณเดินทางก็เป็นไปได้นะคะ
ดิฉันหวังว่า 5 สิ่งนี้จะเป็นตัวช่วยในการสร้างไอเดียและแรงบันดาลใจใหม่ ๆ ให้กับคุณได้ นอกจากในคลาสเรียน ในตำรา หรือ ทฤษฎีต่างๆนะคะ
มนุษย์สามารถเรียนรู้เพื่อพัฒนาตนเองจากทุก ๆ เรื่องที่เกิดขึ้นในแต่ละวันได้ ขึ้นอยู่กับว่า ใครจะเก็บเกี่ยวอะไรมาปรับใช้กับชีวิตได้มากน้อยขนาดไหนก็เท่านั้นเองค่ะ