เชื่อหรือไม่ว่าคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิต หรือประสบความสำเร็จในอาชีพจนทำให้มีฐานะที่มั่งคั่งร่ำรวยระดับมหาเศรษฐี หลายคนเคยเป็นคนจนและไม่ได้มีความรู้ความสามารถในงานด้านนั้น ๆ มาก่อน
แต่สิ่งหนึ่งที่ระดับมหาเศรษฐีมีเหมือนๆกันและเป็นปัจจัยนำไปสู่ความร่ำรวย ก็คือ “แนวคิดและมุมมองที่แตกต่าง” คนรวยจะมองว่าคนเราสามารถกำหนดชีวิตให้เป็นอย่างที่ต้องการได้ แม้แต่ละคนจะมีจุดเริ่มต้นที่แตกต่างกัน
คนรวยเชื่อว่า….
ชีวิตของคนเราออกแบบได้ด้วยตัวของเราเอง เมื่อเชื่อว่าทำได้ ก็ต้องทำให้ได้ เชื่อว่าร่ำรวยได้ก็จะต้องร่ำรวยให้ได้ หรือเชื่อว่าชีวิตต้องมีความสุข ก็จะต้องทำให้ชีวิตมีความสุข ในขณะที่คนจนจะคอยหาเหตุผลมาปลุกปลอมตัวเอง
และคิดว่าต้นทุนชีวิตของคนเราแตกต่างกันก็ต้องยอมจำนนต่อโชคชะตา ในเมื่อแนวคิดและมุมมองแตกต่างกัน การกระทำของคนรวยก็ย่อมแตกต่าง “เศรษฐีชอบทำแบบนี้นี่เอง”
อ่านหนังสือ How to
กิจกรรมทำกำไรของคนรวยทั่วๆไป ก็คือการอ่านหนังสือ คนรวยมองว่าการเรียนรู้เป็นกำไรของชีวิต การอ่านหนังสือทำให้เกิดการเรียนรู้ในเรื่องใหม่ๆ ส่วนใหญ่คนที่อ่านหนังสือยังมีเป้าหมายชีวิตที่ชัดเจน
และหนังสือที่คนรวยชอบอ่านก็คือหนังสือประเภท How to เพราะทำให้ได้ศึกษาแง่คิดมุมมองของคนที่ประสบความสำเร็จ ทำให้เกิดแรงบันดาลใจ อยากทำตาม ดำเนินรอยตาม หรือนำความคิดของคนเก่งๆเหล่านั้นมาเป็นไอเดียแล้วพัฒนาต่อยอดความคิดออกไป
ให้ความสนใจนวัตรกรรมใหม่ ๆ
ความเปลี่ยนแปลงทำให้เกิดนวัตกรรมใหม่ๆที่เป็นประโยชน์ คนรวยจะให้ความสนใจกับนวัตกรรมใหม่ๆ คำว่า นวัตกรรม (Innovation) ไม่ได้หมายความถึงการทําสิ่งใหม่ๆขึ้นมาเท่านั้น แต่ความหมายของนวัตกรรมในเชิงเศรษฐศาสตร์
ยังหมายถึงการนำแนวคิดใหม่หรือการนำประโยชน์จากสิ่งที่มีอยู่แล้วมาใช้ในรูปแบบใหม่ หรือเป็นการทำในสิ่งที่แตกต่างจากคนอื่นๆโดยอาศัยการเปลี่ยนแปลงให้กลายเป็นโอกาส
คนรวยจะคิดอยู่เสมอว่า “ความเชื่อกำหนดสิ่งที่เราเป็นได้” ความเปลี่ยนแปลงก่อให้เกิดนวัตกรรมใหม่ๆที่เป็นประโยชน์ ฉะนั้นคนรวยจึงไม่กลัวการเปลี่ยนแปลงแต่จะเลือกทำในสิ่งที่แตกต่างจากคนอื่นๆ เพื่อให้เกิดเป็นนวัตกรรมใหม่ๆก่อนใครเสมอ สิ่งต่างๆเหล่านี้ถือเป็น “กิจกรรมทำกำไร” ทำให้กลายเป็น เศรษฐีได้อย่างรวดเร็ว
เรียนรู้และเข้าใจธุรกิจในอุตสาหกรรมอื่น
“รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง”
วลีนี้ ไม่ใช่เป็นเพียงคำสอนของซุนวู ปราชญ์ชาวจีนที่เขียนไว้ในตำราพิชัยสงครามเท่านั้น ปัจจุบันยังนำมาประยุกต์ใช้กับการทำธุรกิจหรือนำมาปรับใช้กับการดำเนินชีวิตได้หลายด้านและหลายรูปแบบ
เพราะการทำความเข้าใจกับบางธุรกิจ ทำให้เรารู้ว่าพวกเขาคาดหวังอะไร รู้จักเครื่องมือทางการตลาด รู้และเข้าใจ Brand Value ของธุรกิจในอุตสาหกรรมอื่น คนรวยจะนำสิ่งที่เรียนรู้มาปรับใช้กับธุรกิจหรืองานของตนเอง เพื่อให้ก้าวตามทันหรือเดินออกหน้าธุรกิจอื่นๆเสมอ
เข้าใจว่าเงินไม่ใช่จุดมุ่งหมายเดียว
“เงิน” เป็นทุกสิ่งทุกอย่างที่คนส่วนใหญ่ปรารถนา เพราะเป็นเครื่องวัดมูลค่า หรือเป็นหลักประกันที่ มั่นคงในระบบการแลกเปลี่ยน ไม่ว่าคนเราจะอยู่ในระบบเศรษฐกิจแบบใดต้องอาศัยเงินเป็นตัวช่วยเพื่ออำนวยความสะดวกในทุกๆด้าน
แต่…เงินเพียงอย่างเดียวไม่สามารถทำให้ทุกคนกลายเป็นเศรษฐีมีเงินทอง และมีธุรกิจที่มั่นคงได้
เศรษฐีหรือคนรวยที่ประสบความสำเร็จในการดำเนินชีวิต จะเข้าใจและรู้ดีว่า “เงินไม่ใช่จุดมุ่งหมายเดียวของความสำเร็จ” เงินเป็นเพียงจุดเริ่มต้นที่ดี ส่วนความสำเร็จและความมั่งคั่ง ร่ำรวย ล้วนเกิดจากการลงมือทำที่ต้องอาศัยปัจจัยอื่นๆเป็นส่วนประกอบ
การโฟกัสและให้ความสำคัญกับเงินเป็นลำดับแรก นอกจากสร้างความกดดันให้กับตัวเอง ยังอาจส่งผลให้การดำเนินชีวิตในด้านอื่น ๆ เสียไป เช่น ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของเพื่อน ของคนในครอบครัว หรือส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของคนในองค์กรนั้นๆด้วย
ตื่นเช้า และทำงานเพิ่มอีกหน่อย
กิจกรรมทำกำไรของคนรวยที่คล้ายกัน ก็คือ การตื่นนอนเร็วหรือตื่นเช้ากว่าคนอื่น ๆ เสมอ กำไร ขั้นต้นที่เห็นได้อย่างชัดเจนได้แก่กำไรในด้านเวลา เมื่อตื่นเช้าก็จะทำให้มีเวลาทำกิจกรรมมากขึ้น ได้ฟังข่าว ดูข่าว รับรู้ข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์ก่อนใคร ไม่ต้องเร่งรีบและมีเวลาคิดวางแผนการทำงานในแต่ละวันอย่างเป็นระบบ
สรุป
เศรษฐีไม่ใช่ทุกคนที่เห็นแก่เงิน แต่เศรษฐีทุกคนทำเงินได้จากแนวคิดและการลงทำในสิ่งที่แตกต่างจากคนอื่น “เศรษฐีชอบทำ” ไม่ใช่การลงมือทำเพื่อให้ได้ผลกำไรเป็นตัวเงินเท่านั้น แต่ทุกกิจกรรมทำแล้วต้องเป็นประโยชน์ ตัวอย่างเช่น การบริหารเวลา เมื่อมีเวลามากขึ้นทำงานได้เพิ่มขึ้นความสำเร็จก็ย่อมเร็วขึ้น
อยากเป็นคนรวยต้องคิดแบบคนรวย อยากเป็นเศรษฐีต้องทำแบบเศรษฐี เพราะในโลกนี้ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้