ที่เราเห็นธุรกิจพวกคอนโดเกิดขึ้นเต็มไปหมดมันไม่ใช่แค่เรื่องแฟชั่นหรอก มันไม่ใช่แค่เรื่องที่เห็นใคร ๆ เขาทำประสบความสำเร็จแล้วอยากทำตาม
แต่มันเป็นเรื่องของ “การอธิบาย”
มันง่ายที่จะอธิบายกับคนที่คุมบังเหียน คุมกฎอะไรสักอย่างที่เป็นคนรุ่นเก่า คนที่โตมากับการตลาด 4P ที่พูดเรื่องการวางตำแหน่งหน้าร้านในที่หัวมุมถนนดี ๆ สักแห่ง ก่อนที่โลกเปลี่ยนหน้าร้านเป็นหน้าจอคอมพิวเตอร์ จอมือถือ
มันง่ายที่เราจะเดินเข้าไปธนาคารเพื่อขอกู้ เพราะมันง่ายที่จะ “อธิบาย” ว่าเราทำธุรกิจอะไร ลูกค้าเราเป็นใคร รายได้มาจากไหน
มันง่ายต่อการบอกถึงเป้าหมาย รายได้ต่อเดือน ต่อปี ซึ่งมันก็เหมือนกับสูตรตำราบริหารองค์กรรุ่นเก่า ๆ นั่นแหละที่ใช้มาไม่รู้กี่ปี ที่บอกให้เรามีเป้าระยะสั้น มีเป้าระยะยาวในการทำงาน เพราะมันก็คือสิ่งเดียวกับสมุดพกที่ครูให้ความเห็นให้พ่อแม่เซ็นนั่นแหละ
เราจึงเห็นคนรุ่นวัยกลางคนหันมาทำคอนโด เด็กจบใหม่ ทำร้านกาแฟ ทำเสื้อผ้าบูติก ร้านอาหาร มันไม่ใช่แค่แห่ทำตามคนอื่นอย่างเดียว แต่เป็นเพราะความง่ายในการอธิบายใครหลายคน ไม่ว่าจะเป็นพ่อ แม่ เพื่อนฝูง เข้าใจ หรือทำให้พ่อแม่ไว้ใจให้เงินลงทุน
มันไม่ยากเหมือนกับที่บอกจะทำธุรกิจแท็กซี่ แต่บอกว่าไม่มีรถแท็กซี่เป็นคนตัวเองสักคัน ถามว่าลูกค้ามาจากไหนก็ทุกคนที่นั่งแท็กซี่นั่นแหละ
ถามรายได้มาจากไหน มาอย่างไง และตั้งเป้าอีกกี่ปีจะกำไร คำตอบคือตอบไม่ได้ว่าจะกำไรเมื่อไร รู้แต่ตอนแรกเราต้องทดลองให้ใช้ฟรีก่อน
ซึ่งคำตอบเหล่านี้มันยากจะอธิบาย จะบอกด้วยความมั่นใจว่า “เชื่อหนูเถอะ เชื่อผมเถอะ ทำแล้วต้องรวย Grab Uber จะเป็นที่รู้จักทั่วโลก และแก้ปัญหาคนใช้แท็กซี่ทั่วโลก” ก็จะถูกมองว่ามั่นเกิน และใครจะมั่นใจได้ว่าทำผ่าน
ก็คล้ายๆ อาลีบาบาของแจ็ค หม่า ในช่วงแรก ๆ ที่แทบไม่มีธนาคารไหนในจีนปล่อยกู้ซักรายเพราะตอนแรกมีเพียงคนจีนกี่คนที่ใช้อินเตอร์เน็ต
ไม่นับรวมว่ามันคือธุรกิจยอมให้ใช้ฟรี ยอมกลืนเลือดอยู่ไม่รู้กี่ปี จะเริ่มมีกำไร เพื่อต่อสู้เจ้ายักษ์ใหญ่อีเบย์บริษัทสัญชาติอเมริกา จนถูกต่อว่าจาก Wall Street ว่า “น่าไปไม่รอด”
แจ็ค หม่าย้อนความหลังตอนก่อตั้งธุรกิจ เล่าถึงตอนเริ่มธุรกิจที่เชิญเพื่อน 17 คน มาแลกเปลี่ยนพูดคุยไอเดียธุรกิจที่เขาจะทำ เพื่อนทุก ๆ คนบอก “เป็นไปไม่ได้”
แต่โลกนี้เหมือนเหรียญ 2 ด้าน เมื่อมีกลางคืนก็มีกลางวัน
เมื่อมีคนไม่เข้าใจสิ่งที่คุณอธิบายเลยไปจนถึงปิดใจรับฟัง ก็ย่อมมีคนเปิดใจรับฟังและเข้าใจสิ่งที่คุณพูด
เพื่อนคนหนึ่งใน 17 คนของแจ็ค ให้กำลังใจเขาและบอกให้เขา “ลองดู” มองย้อนกลับไม่มีใครรู้ว่าคำพูดเพื่อนของคนนี้มีค่าแค่ไหน หยดน้ำกลางทะเลทราย หรือไม่มีค่าอะไรเลย มีแต่ใจแจ็คหม่าเท่านั้นที่รู้ดีหลังจากวันนั้นแจ็ค หม่าเดินหน้าทำธุรกิจต่อไป ก่อนตบหน้า Wall Street ด้วยการไล่เตะอีเบย์พ้นจากน่านน้ำทะเลจีน กินรวบทั้งอุตสาหกรรม
ในโลกที่มีพระอาทิตย์ขึ้น และก็มีดวงจันทร์ในยามค่ำคืน ก็เป็นอย่างนี้
เมื่อมีคนไม่ยอมรับฟังในสิ่งคุณพูดว่ามันคืออะไร แต่ก็มีคนที่ยอมจะควักเงินเพื่อเสี่ยงกับธุรกิจของคุณ (แม้จะเป็นคนส่วนน้อย)
และดูเหมือนโลกจะชอบให้ผลตอบแทนสูง ๆ กลับคืนคนพวกหลังนี้ ซึ่งดูจากมูลค่าหุ้นของอาลีบาบา น่าจะเป็นคำตอบที่ดี
แจ็ค หม่า เคยกล่าวไว้ว่า
“สำหรับผู้สร้างธุรกิจ จงบอกตัวเองเสมอ ตั้งแต่วันแรกที่สร้างธุรกิจ ว่าคุณจะต้องเจอกับอุปสรรค และความล้มเหลว ในทุก ๆ วัน โดยไม่ใช่ความสำเร็จ เวลาที่ยากลำบากที่สุดยังมาไม่ถึง แต่จะมาถึงในสักวัน อุปสรรคหลีกเลี่ยงไม่ได้และคนอื่นก็รับแทนคุณไม่ได้ ทุกอุปสรรค คุณต้องฝ่าฟันเอง”