หากเอ่ยชื่อ “Uber Taxi” เชื่อได้เลยว่าในทุกวันนี้ไม่มีใครไม่รู้จัก ยิ่งสำหรับมหานคร อมรเมืองฟ้า ที่ประสบปัญหารถติด และมีโรคหงุดหงิดเพราะเรียก Taxi แล้วไม่ไป เป็นประเด็นใหญ่ระดับชาติอย่างบ้านเราด้วยแล้ว
การได้ใช้บริการเรียกรถ TAXI ด้วย แอพ Uber จึงถือเป็นทางเลือกใหม่ที่ช่วยให้การเดินทางโดยระบบขนส่งสาธารณะ เป็นไปได้อย่างรวดเร็ว สะดวกสบาย และง่ายดายยิ่งขึ้น มันกลายมาเป็นธุกิจระดับหมื่นล้าน ที่ Leader Wings อย่าเล่าให้ฟัง
แต่ในจำนวนคนที่รู้จักหรือเคยใช้ Uber App นั้น จะมีสักกี่คนกันที่รู้ว่า “ทราวิส คาลานิค” คือ CEO ผู้อยู่เบื้องหลังแอพลิเคชั่นตัวนี้ ซึ่งปัจจุบัน Uber ถือเป็นสตาร์ทอัพที่แพงที่สุดในโลก คือมีมูลค่าธุรกิจอยู่ที่ราว (70,000,000,000) เจ็ดหมื่นล้านบาท!!!
เปิดให้บริการแล้วใน 100 เมือง กว่า 60 ประเทศทั่วโลก โดยมียอดเฉลี่ยการใช้งานสูงสุดต่อวันมากถึงกว่า 8 หมื่นเที่ยว!! ซึ่งความสำเร็จทั้งหมดที่กล่าวมานั้น คาลานิค ใช้เวลาปลุกปั้นมันเพียงแค่ 6 ปี
[pullquote align=”full” cite=”” link=”” color=”” class=”” size=”14″]ทั้งที่จุดเริ่มต้นของการสร้างธุรกิจของ Uber Taxi เกิดขึ้นจากไอเดียของผู้ร่วมก่อตั้งเพียงแค่ 2 คน เท่านั้น คือตัวเขา และ กาเร็ท แคมป์ ที่มองเห็นโอกาส ซึ่งยังไม่เคยมีใครทำมาก่อน ท่ามกลาง App มากมายมหาศาล โดยคิดขึ้นมาได้จากปัญหาที่พวกเขาทั้งคู่ประสบเองกับตัว ในเรื่องความยากเย็นของการหารถ Taxi สักคัน ที่จะมารับส่งในช่วงเวลาที่ผู้คนต้องการ[/pullquote]
ในยุคสมัยที่ Start up คือ “ถ้อยคำ” อันเปรียบเสมือนเป็นธุรกิจ ที่ได้รับการจับตามองมากที่สุด เพราะเป็นสัญลักษณ์ของความแปลกใหม่ ที่เกิดขึ้นมาเพื่อแก้ไขปัญหาของผู้คนด้วย Creative Idea อันเป็นลู่ทางสู่การได้รับเงินทุนสนับสนุนต่อยอดให้ประสบความสำเร็จ
และก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดทั้งกับผู้คนในสังคมและผู้ประกอบการดังนั้น จะมีอะไรที่ดีไปกว่า หลักคิดและแนวทางการทำงาน ของผู้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ก่อตั้งและบริหารธุรกิจสตาร์ทอัพจนประสบความสำเร็จเป็นอันดับ 1 ของโลกได้อีก
3 คมคำความคิด ต่อจากนี้ไป คือหนึ่งในตัวอย่างแนวคิด ของ ทราวิส คาลานิค ชายผู้พลิก Uber Taxi สู่วิถีสตาร์ทอัพระดับ 7 หมื่นล้าน!! ที่จะช่วยให้วงการสตาร์ทอัพ หรือแม้กระทั่งผู้ที่คิดจะสร้างธุรกิจรุ่นใหม่ ได้ยึดไว้ประยุกต์ใช้เป็นตัวอย่างเพื่อสร้างแนวทางสู่ความสำเร็จ
1.ลงมือทำให้ไว คือ ยาแก้ไข รักษาโรคความกลัว
ถ้าถามว่าอะไรคืออุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดสำหรับชีวิตคนเรา คงไม่มีสิ่งไหนที่จะร้ายกาจและเอาชนะได้ยากเย็นไปกว่าความกลัวอีกแล้ว เพราะไม่ว่าเราจะอยู่ในสถานะที่พร้อมมากแค่ไหน แต่หากไม่สามารถเอาชนะความกลัวในใจตัวเองได้แล้ว ก็คงไม่แคล้วไม่มีวันก้าวไปถึงเส้นชัยใดๆ ที่ตั้งใจไว้ได้เลยแม้แต่เป้าหมายเดียว
คาลานิค คือ ตัวอย่างที่ดีที่สุดตัวอย่างหนึ่งของคนที่ประสบความสำเร็จ ด้วยการเอาชนะความกลัวต่าง ๆ ในใจตัวเองได้ เขาเริ่มต้นเส้นทางการเป็นนักธุรกิจของตัวเองตั้งแต่อายุ 18 ปี ซึ่งด้วยเพราะความตั้งใจที่อยากประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ เขาจึงตัดสินใจลาออกจากมหาวิทยาลัย
เพื่อออกไปใช้เวลาทุ่มเทให้กับการทำงานอย่างเต็มที่ แต่วิถีการทำธุรกิจของเขาก็ไม่ได้ราบรื่นอย่างที่คิด เขาเคยถูกฟ้องร้องจนต้องยื่นขอล้มละลายเพื่อหนีคดี เคยต้องเผชิญหน้ากับปัญหาสภาวะถังแตกที่ไม่มีเงินจ่ายค่าแรงพนักงาน และเคยต้องผิดใจกับเพื่อรักผู้เคยร่วมสร้างธุรกิจด้วยกันมา เพราะเรื่องของผลประโยชน์
แต่ถึงแม้เขาจะเคยล้มเหลวในการทำธุรกิจมามากแค่ไหน คาลานิคก็ไม่เคยปล่อยให้หัวใจตัวเองพ่ายแพ้ต่อความกลัวเลยสักครั้ง เขายังคงก้าวต่อไปในเส้นทางธุรกิจที่เลือกเองเสมอ จนกระทั่งได้มาพบกับ แคมป์ ในงาน Leweb ปี 2008 ซึ่งเป็นงาน Conference ทางเทคโนโลยีที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี
และในงานนี้เอง ที่คาลานิค และ แคมป์ พบว่า พวกเขาไม่สามารถหาแท็กซี่ได้เลยสักคันเดียวในมหานครปารีส ซึ่งปัญหานั้นก็ได้กลายเกิดเป็นไอเดียในการสร้างแอพลิเคชั่นเรียกแท็กซี่ ที่ยังไม่มีใครเคยทำขึ้นมาก่อน
ซึ่งแน่นอนว่า พวกเขาไม่ได้หยุดมันแค่ความคิด แต่นำกลับไปทำต่อทันที โดยไม่มีความกลัว ลังเลเลยว่ามันจะล้มเหลวหรือไม่ จนในที่สุดพวกเขาก็สามารถให้บริการ Uber App ได้ที่นิวยอร์กเป็นเมืองแรก ในเดือนมกราคม ปี 2010 และเติบโตขึ้นมาเรื่อยๆจนกระทั่งปัจจุบัน
ความกลัวเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้เสมอในใจของเราทุกคน ซึ่งดูเหมือนว่าจะไม่สามารถหลีกหนีมันได้เลยแม้แต่น้อย สิ่งเดียวที่จะช่วยให้เราก้าวข้ามผ่านมันไปได้ ก็คือ การลงมือทำ เหมือนกับที่ครั้งหนึ่ง คาลานิค เคยกล่าวเอาไว้ว่า…
[pullquote align=”full” cite=”” link=”” color=”” class=”” size=”14″]“Fear is the disease, Hustle is the antidote… Whatever it is that you’re afraid of, Go After it.”[/pullquote]
2.จิตใจที่เข้มแข็ง นำมาซึ่งความแข็งแกร่ง
ในเวทีการแข่งขันทางธุรกิจ
ทุกธุรกิจล้วนมีปัญหาให้ต้องขบคิดและแก้ไขเสมอ ไม่มีวันที่เราจะเจอกับความราบรื่นตลอดรอดฝั่ง ดังนั้น จิตใจที่เข้มแข็งของผู้ประกอบการเองนี่แหละ ที่จะเป็นตัวตัดสินว่า เราจะสามารถประคองธุรกิจของเรา ให้อยู่รอดและเติบโตต่อไปได้ไกลแค่ไหน
ตลอดเส้นทางการเติบโตของ Uber ถือได้ว่า เป็นธุรกิจที่ต้องเผชิญหน้ากับปัญหานับไม่ถ้วน ซึ่งนอกจากจะประเด็นเรื่องคู่แข่งอย่าง Lyft และ Grab แล้ว Uber ยังต้องเจอกับปัญหาที่ Sensitive ในเรื่องการถูกต่อต้าน จากผู้อาชีพให้บริการขับแท็กซี่ปกติ ต้องต่อสู้กับกรณีพิพาท ที่มีอุบัติเหตุรถของ Uber ชนเด็กเสียชีวิต รวมไปถึง กรณีคดีข่มขืนผู้โดยสารในรถของ Uber ที่อินเดียด้วย ฯลฯ
แต่ไม่ว่าปัญหาที่เกิดขึ้นจะรุนแรงสักแค่ไหน Uber ก็สามารถก้าวผ่านและเติบโตมาได้จนกระทั่งปัจจุบัน ซึ่งที่เป็นแบบนั้นก็เพราะ คาลานิค มีจิตใจที่เข้มแข็งมากพอ ที่จะจัดการกับปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งครั้งหนึ่ง เขาเคยกล่าวเอาไว้ถึงเรื่องของการจัดการอารมณ์ของคนเราเอาไว้ว่า
[pullquote align=”full” cite=”” link=”” color=”” class=”” size=”14″]“I think it’s the stress that will kill me, you have to find ways to find the center, balance, sanity.”[/pullquote]
3.ความคิดสร้างสรรค์ นำ Money
สุดยอดวิถีแห่งความสำเร็จ
สำหรับการทำธุรกิจ ที่ใครๆ อาจคิดว่า “เงินทุน” คือ เรื่องใหญ่นั้น คาลานิค คือคนที่คิดแตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง โดยเขาเชื่อมาตลอดว่าสิ่งสำคัญที่แท้จริง ที่ทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จได้ คือ การที่เราตามหาให้พบว่า อะไรคือสิ่งที่ผู้คนต้องการต่างหาก และเมื่อค้นพบสิ่งนั้นแล้ว ก็จงใช้ความสามารถสร้างสรรค์มันให้ตอบโจทย์ และแก้ไขปัญหาของผู้คนให้ได้
ดังที่เขาเคยกล่าวไว้ว่า…
[pullquote align=”full” cite=”” link=”” color=”” class=”” size=”14″]“In a lot of ways, it’s not the money that allows you to do new things. It’s the growth and the ability to find things that people want and to use your creativity to target those.”[/pullquote]
คาลานิค และ แคมป์ ไม่ได้สร้าง Uber ขึ้นมาจากเงิน แต่เขาค้นพบมันจากความต้องการของผู้บริโภค ซึ่งก็คือ พวกเขาเอง ที่ไม่สามารถหา Taxi ได้เลยแม้แต่คันเดียวในเวลาที่ต้องการ และเมื่อประกอบกันกับยุคสมัยที่ Life Style ผู้คนส่วนใหญ่ผูกพันกับสมาร์ทโฟน มันจึงเกิดเป็นความคิดที่จะสร้างแอพลิเคชั่นซึ่งสามารถเรียกรถแท็กซี่ได้ เพียงแค่คลิ๊กเดียวขึ้นมา ซึ่งผลก็ปรากฎว่า มันเวิร์ค!!
เมื่อตอนที่ Uber ถูกปล่อยตัวไปให้ทดลองใช้กันในครั้งแรกนั้น ถึงแม้จะเริ่มต้นจากการมีรถแค่ 3 คัน ที่พวกเขาขับกันเอง แต่ก็สามารถครองความนิยมได้เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งสาเหตุที่ทำให้ประสบความสำเร็จได้นั้น ก็มาจากการที่ Uber สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า ได้อย่างสร้างสรรค์ แบบที่ คาลานิค กล่าวไว้ว่า…
[pullquote align=”full” cite=”” link=”” color=”” class=”” size=”14″]“We like to think of Uber as the cross between lifestyle and logistics, where lifestyle is what you want and logistics is how you get it there.”[/pullquote]
สำหรับธุรกิจแล้วเงินไม่ใช่เรื่องใหญ่ ไอเดียและความคิดสร้างสรรค์ในการมองให้เห็น ความต้องการของผู้คนมากกว่าที่จะนำพาให้ธุรกิจอยู่รอด และเติบโตต่อไปได้อย่างแข็งแกร่ง ซึ่ง คาลานิค ก็ได้แสดงให้เห็นแล้วจากการสร้าง Uber ให้ขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่งในวงการธุรกิจสตาร์ทอัพ
และเขาก็ยังไม่คิดจะหยุด Uber ไว้เพียงแค่นี้ แต่กำลังจะมีโปรเจคพัฒนาต่อไป ให้ Uber Taxi เป็นสุดยอดนวัตกรรมทางเลือกใหม่ ของการขนส่งสาธารณะที่ไร้คนขับ!!!