หากใครเคยอ่านหนังสือ Think and Grow Rich ของนโปเลียน ฮิลล์ คงจะพอจำได้ว่าเขาระบุถึงความลับที่ซ่อนตัวอยู่ภายในหนังสือเล่มนี้ อันเป็นความลับที่จะนำไปสู่ความสำเร็จ โดยความลับที่ว่าน่าจะถูกพูดถึงบ่อยครั้งตลอดทั้งเล่ม
และคนที่พร้อมเท่านั้นจึงจะไขความลับแห่งความสำเร็จนี้ได้..
อย่างไรก็ตามนับจากปี 1937 จนถึง ณ ปัจจุบัน ความลับที่ว่านี้ยังไม่ถูกเปิดเผย มีแต่การคาดเดากันไปต่างๆนานา ถึงความลับที่นโปเลียน ฮิลล์ซ่อนเอาไว้
ในฐานะที่ผมเองเป็นแฟนตัวยงของหนังสือเล่มนี้ จะขอรวบรวมทฤษฎีที่อาจจะเป็นคำตอบของความลับมาให้ท่านผู้อ่านกันครับ (ใครยังไม่เคยอ่านรีบออกไปหาซื้อมาอ่านด่วนเลยครับ)
ทฤษฎี#1
ความต้องการที่ชัดเจน (Desire)
ในหนังสือ นโปเลียน ฮิลล์ ลำดับความต้องการที่ชัดเจนเป็นลำดับแรกของ กฎแห่งความสำเร็จทั้ง 13 ข้อ แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการตั้งเป้าหมาย รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร
นอกจากนี้เขายังพยายามเน้นย้ำการสร้างความต้องการให้ไปถึงจุดที่เรียกว่า Burning Desire อันเป็นความต้องการที่แท้จริง แบบทุกลมหายใจเข้าออกก็นึกถึงเป้าหมายนี้
ผมเองก็คิดว่าทฤษฎีนี้น่าสนใจมาก เพราะตอนที่อ่านจบซ้ำไปซ้ำมา ก็เคยคิดว่าความลับที่ซ่อนอยู่ก็คือความต้องการที่ชัดเจนนี่แหละ เพราะถ้าไม่มีความต้องการระดับสูงสุดแล้ว คงไม่สามารถฟันฝ่าอุปสรรคอะไรไปสู่ความสำเร็จได้
แต่อย่าเพิ่งด่วนสรุป ลองไปดูทฤษฎีต่อไปกันครับ
ทฤษฎี#2
ความศรัทธา (Faith)
มีคนอีกกลุ่มนึงแย้งบอกว่าจะมีเพียงแค่ Desire อย่างเดียวมันไม่พอ จะต้องมีความเชื่อความศรัทธาด้วย หากขาดซึ่งความเชื่อในสิ่งที่ทำว่าจะประสบความสำเร็จได้ ก็คงจะทำอย่างขาดความมั่นใจ ทำให้ล้มเลิกไปกลางคัน และไม่กล้าแม้กระทั่งจะออกก้าวเดินไปสู่จุดหมาย เพราะคิดว่าอาจจะไม่สำเร็จ
ฟังดูแล้วก็มีเหตุผล หากปราศจากความเชื่อแล้ว สมองก็คงจะไม่สามารถสั่งการได้อย่างมีประสิทธิภาพได้
ดังคำที่ว่า ‘จิตเป็นนาย กายเป็นบ่าว’
ทฤษฎี#3
การลงมือปฏิบัติอย่างหนัก (Massive Action)
ถึงแม้จะอ่านกี่รอบ เรียนรู้กฎได้อย่างแม่นยำแค่ไหน แต่ถ้าไม่ลงมือปฏิบัติ ความสำเร็จก็จะไม่มีวันมาเยือน
ทฤษฎีนี้จึงชูประเด็นเรื่องการลงมือทำอย่างหนัก เพราะการลงมือทำถือเป็นรากฐานสำคัญของความสำเร็จ หากปราศจากการลงมือทำ ลำพังแค่คิดแบบกฎแรงดึงดูด (Law of Attraction) ก็ไม่สามารถสร้างผลลัพธ์ที่ต้องการได้
ผมคิดว่าการลงมือทำเป็นสิ่งสำคัญจริง แต่นโปเลียน ฮิลล์ ไม่ได้เน้นประเด็นนี้สักเท่าไหร่ เพียงแค่บอกว่า “ไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ ต้องลงแรงแลกมาเสมอ”
อย่างไรก็ดีผมคิดว่าถ้าคนเขียนหนังสือเล่มนี้เป็น โทนี่ ร็อบบิ้นส์ ทฤษฎีนี้ก็คงจะเป็นไปได้มากกว่า เพราะตัวโทนี่เองชอบเน้นเรื่อง Massive Action
ทฤษฎี#4
ความไม่ย่อท้อ (Persistence)
มีคนอีกกลุ่มนึงเชื่อว่าแท้จริงแล้วความลับที่ว่า คือ ความไม่ย่อท้อต่างหาก เพราะแน่นอนว่าอุปสรรคจะต้องเผยกายออกมาท้าทายความสามารถที่จะบรรลุเป้าหมายอย่างแน่แท้ สิ่งเดียวที่จะเอาชนะเจ้าอุปสรรคนี้ได้คือ การตั้งมั่นมุ่งมั่นไม่ยอมแพ้
ทฤษฎีนี้ผมคิดว่าน่าจะเป็นไปได้ค่อนข้างน้อยเช่นเดียวกับทฤษฎีก่อนหน้านี้ เพราะนโปเลียน ฮิลล์ ไม่ค่อยได้เน้นย้ำสักเท่าไหร่ ถึงแม้จะมีการเล่าเรื่องเกี่ยวกับ ’การขุดทอง’ ที่เนื้อหาบ่งบอกถึงตัวอย่างของการหยุดก่อนเสียกลางคัน โดยที่ไม่รู้เลยว่าอีกนิดเดียวก็จะประสบความสำเร็จแล้วก็ตาม
ทฤษฎี#5
6 ขั้นตอนเปลี่ยนความต้องการเป็นเงินทอง (Six steps to transmuted desire in to financial equivalent)
จากทั้งหมดทั้งมวลในหนังสือเล่มนี้ มีอยู่ 2 ครั้งที่นโปเลียน ฮิลล์ ระบุถึงขั้นตอนที่จะเปลี่ยนความคิดเป็นเงินทอง โดยระบุไว้ว่ามีทั้งหมด 6 ขั้นตอนดังนี้
- กำหนดจำนวนเงินที่ชัดเจน
- กำหนดสิ่งที่จะต้องทำเพื่อแลกมา (ไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ)
- ระบุเส้นตายอย่างชัดเจน
- วางแผนเพื่อจะบรรลุเป้าหมาย
- สรุปออกมาทั้งหมด เซ็นชื่อกำกับไว้ด้วย
- อ่านออกเสียงวันละ 2 ครั้ง คือ ตอนเช้าหลังจากตื่นนอน และก่อนเข้านอน ให้สร้างความรู้สึกเหมือนกับว่าประสบผลสำเร็จแล้ว
ขั้นตอนเหล่านี้ถือเป็นหลักสำคัญที่สามารถนำไปลงมือปฏิบัติได้ คนส่วนหนึ่งจึงเชื่อว่านี่แหละคือความลับที่สามารถจับต้องได้ ถึงขั้นที่นโปเลียน ฮิลล์ระบุออกมาเป็นข้อๆขนาดนี้ แสดงว่าต้องมีนัยยะสำคัญอย่างแน่แท้
ทฤษฎี#6
ไม่มีความลับ
สมัยที่หนังสือเล่มนี้ีตีพิมพ์ออกมาเป็นช่วงที่เศรษฐกิจตกต่ำอย่างหนัก ผู้คนล้วนต้องการกำลังใจ หนังสือ Think and Grow Rich จึงเหมือนเป็นความหวังให้กับผู้คนในสมัยนั้น
รวมถึงการสอดแทรกเนื้อหาว่ามีความลับซ่อนอยู่ในหนังสือยิ่งทำให้ชวนติดตาม ต้องพยายามอ่านซ้ำ เพราะเชื่อว่าเจ้าความลับนี่แหละ จะสามารถพลิกชีวิตไปสู่ความสำเร็จได้ ซึ่งอาจจะเป็นแผนการตลาดของนโปเลียน ฮิลล์ก็เป็นได้
ความลับที่ว่าความจริงแล้วคือเนื้อหาทั้งหมดที่เขานำเสนอนั่นแหละ ซึ่งผมเองก็เชื่อว่าทฤษฎีนี้ก้มีความเป็นไปได้สูง เพราะผ่านมากว่า 70 ปี ก็ยังมีคนตามหาความลับที่ซ่อนอยุ่ในหนังสือเล่มนี้บนโลกอินเตอร์เน็ต ถ้าเป็นแผนการตลาดของนโปเลียน ฮิลล์จริง ก็ถือว่าได้ผลชะงักงัน
สรุป
จากทฤษฎีทั้งหมดทั้งมวลออาจสรุปได้ว่าความลับที่ว่านี้อาจไม่มีอยู่จริง หรือถ้ามีจริงอย่างที่นโปเลียน ฮิลล์ตั้งใจเอาไว้ ก็น่าจะเป็น Burning Desire กับ Faith ผสมกัน อันนำไปสู่การกระทำอย่างเชื่อมั่น จนส่งผลสำเร็จในทุกประการอย่างที่ตั้งใจไว้
อย่างไรก็ดีถึงแม้คำตอบของความลับที่ซ่อนอยู่นี้จะผิดเพี้ยนไปจากความตั้งใจเดิมของผู้เขียน (หากมีอยู่จริง) แต่ลำพังเนื้อหาในหนังสือ Think and Grow Rich ก็ล้วนทรงคุณค่าเป็นอย่างยิ่ง เพียงพอแก่การอ่านซ้ำ และทบทวนอยู่เสมอ
ซึ่งเป็นที่แน่ชัดว่าประโยชน์ของหนังสือเล่มนี้นั้นมากมายมหาศาล เพราะได้สร้างความสำเร็จให้กับผู้คนมากมายนับไม่ถ้วน
เหมาะแก่การอ่านสักครั้งในชีวิตครับ