ตอนที่แล้วผมได้เล่าถึงประวัติความเป็นมา และเนื้อหาของหนังสือ Secrets of the Millionaire Mind ในส่วนแรก และอีก 8 หัวข้อที่ถือเป็น Financial blueprint ของคนที่อยากร่ำรวย ในตอนที่ 2 นี้ผมจะขอเล่าถึงหัวข้อที่เหลืออีก 9 หัวข้อที่จะช่วยปรับทัศนคตินำพาเราไปสู่ความมั่งคั่ง หากใครยังไม่เคยอ่านตอนที่ 1 คลิกเลยครับ
เจาะลึกหนังสือคนคิดใหญ่! Secrets of the Millionaire Mind ตอนที่ 1
9.คนรวยเชื่อว่าฉันยิ่งใหญ่กว่าปัญหา
T.Harv Eker บอกไว้ว่าการจะก้าวเดินไปสู่ความมั่งคั่งนั้น แตกต่างจากการเดินทอดน่องเล่นภายในสวน เพราะกว่าจะไปถึงจุดหมายแห่งความสำเร็จได้นั้น จะต้องผ่านอุปสรรคมากมาย ซึ่งสิ่งเหล่านี้แยกระหว่างคนรวย กับคนจน คนที่จะสร้างความร่ำรวยได้นั้น มองปัญหาเป็นเรื่องเล็กน้อย เป็นสิ่งที่ต้องก้าวผ่าน และตัวเขาเหล่านั้นยิ่งใหญ่กว่าจะมายอมให้ปัญหาที่เกิดขึ้นหยุดยั้งเอาไว้ แตกต่างกับคนจนที่มองปัญหาเป็นเรื่องใหญ่ ยากที่จะก้าวข้ามปัญหาที่เกิดขึ้นได้
เขาบอกว่าการที่เรามองปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องใหญ่ แสดงว่าเรากำลังทำตัวให้เล็กอยู่ ทางแก้คือพยายามตั้งสติเตือนตัวเองว่าเรานั้นใหญ่กว่าปัญหา
คนที่จะรวยได้นั้นมองไปที่เป้าหมาย และไม่สนว่าปัญหาที่เกิดขึ้นเล็กหรือใหญ่ หากเราสามารถพัฒนาตนเองให้เป็นนักแก้ปัญหาได้ ต่อให้ปัญหาจะใหญ่เพียงใด ก็จะไม่สามารถหยุดยั้งความร่ำรวยที่เกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน
10.คนรวยเป็นผู้รับที่ดี
คนส่วนใหญ่เป็นผู้รับที่แย่ ในสายตาของเขา เพราะคนเหล่านี้มักคิดว่าตนเองไม่คู่ควรกับการได้รับ จึงทำตัวเป็นผู้รับที่ไม่ดี ซึ่งเกิดจากการอบรมเลี้ยงดูในวัยเด็ก ที่มักจะมีแต่การทำโทษ จนเราสูญเสียความมั่นใจ ถึงแม้จะโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่นิสัยกลับติดตัวมา
การจะแก้ไขตามคำบอกเล่าของเขา คือการมองให้เห็นว่าคุณค่าของเรา ล้วนเป็นสิ่งที่เราสร้างขึ้นเอง เพราะไม่มีอะไรจะมีความหมายได้ หากเราไม่ได้มอบให้มัน ให้มอบความมีค่าให้กับตนเอง จงพร้อมที่จะเปิดรับสิ่งดีๆเข้ามาในชีวิต เพราะเมื่อมีผู้ให้ก็จำเป็นจะต้องมีผู้รับเพื่อให้เกิดความสมดุล
คนรวย และคนจนต่างทำงานหนักเหมือนกัน แตกต่างกันตรงที่ว่าคนรวยพร้อมจะรับสิ่งที่เขาอุตส่าห์ลงแรงไป ขณะที่คนจนไม่พร้อมที่จะรับ เพราะคิดไปเองว่าตนไม่มีสิทธิ หรือไร้ค่า
แบบฝึกหัดท้ายบท เน้นการฝึกขอบคุณแต่เพียงฝ่ายเดียว เมื่อมีคนให้คำชม หรือสิ่งใดก็ตาม ให้ฝึกพูดคำว่าขอบคุณ โดยที่ไม่ต้องตอบกลับมากไปกว่านี้ และหัดใช้จ่ายเพื่อความสุขของตนเองบ้าง เพื่อทำให้เรารู้สึกมีคุณค่ามากขึ้น ยิ่งทำตัวมีคุณค่า สิ่งดีๆก็จะยิ่งเข้ามาสมคุณค่าของเรา
11.คนรวยเลือกจะได้รับค่าตอบแทนตามผลงาน
หัวข้อนี้ถูกนำมาพูดถึงบ่อยครั้งในหนังสือเล่มอื่น ๆ แต่ก็คู่ควรต่อการบรรจุอยู่ในหนังสือที่จะสร้างความร่ำรวยได้อย่างเล่มนี้ T.Harv Eker บอกว่าสมัยก่อน เรามักจะเคยได้ยินว่า ให้ตั้งใจเรียน จบออกมามีงานประจำทำ มีเงินเดือนสูงๆ แล้วชีวิตจะสุขสบาย แต่ความเป็นจริงมันไม่ใช่ คนที่จะรวยได้มักจะยินยอมหารายได้เพียงแค่เงินเดือนประจำ
ยิ่งพวกเขาเป็นคนที่มีศักยภาพสูง ก็มีโอกาสที่จะได้รับรายได้สูงมากยิ่งขึ้นเช่นกัน
คนจนจะเลือกงานประจำที่มีรายได้มั่นคง ค่าแรงคิดตามชั่วโมงการทำงาน แต่สิ่งนี้ต้องแลกมากับโอกาสของความมั่งคั่งที่จะเสียไป ส่วนคนรวยมักจะมีธุรกิจที่สร้างรายได้มากกว่าทางเดียว และมักทำงานที่มีระบบการให้รายได้เป็นแบบคอมมิสชั่น หรือเปอร์เซ็นต์ส่วนแบ่ง
หากเรากำลังทำงานประจำ ก็ให้ขอส่วนแบ่งจากผลการดำเนินงานของบริษัท ถ้าไม่ได้ก็ให้เตรียมแผนออกมาทำงานของตนเอง เปิดบริษัทควบคู่กันไป โดยอาจเริ่มจากทำงานของตนเองแบบพาร์ทไทม์ก่อน
12.คนรวยมักจะเลือกทุกอย่าง
คนทั่วไปเชื่อว่า เขาสามารถเป็นได้แค่ทางใดทางหนึ่ง อาทิ ถ้าอยากรวย ก็ต้องมีครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์ ถ้าจะเป็นคนดี เอื้อเฟ้อ จะต้องยากจน แตกต่างกับคนรวย ที่เชื่อว่าพวกเขาสามารถเป็นได้ทุกอย่าง
T.Harv Eker พยายามฝึกให้เราคิดว่าทำอย่างไรถึงจะสำเร็จทุกอย่าง ไม่จำเป็นจะต้องเลือกอย่างใด แล้วต้องเสียสละอย่างหนึ่ง แต่ให้หาหนทางเพื่อจะได้มาทุกสิ่งอย่าง โดยเฉพาะความมั่งคั่ง ครอบครัวที่ดีมีความสุข สุขภาพแข็งแรง และการเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่ผู้อื่น
คนรวยไม่ได้เห็นแก่ตัว แต่พวกเขาไม่เห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องเสียสละอะไรไป เพราะเชื่อว่าพวกเขาสามารถเป็นได้ทุกอย่างที่ต้องการ
13.คนรวยโฟกัสที่มูลค่าสินทรัพย์
ในบทนี้เขาพูดถึงคนส่วนใหญ่ที่ชอบคุยเกี่ยวกับความสามารถในการหารายได้ของแต่ละคน ไม่ใช่รายได้ทรัพย์สินสุทธิ ซึ่งทำให้คนส่วนใหญ่ไม่รวย เพราะการวัดความมั่งคั่งที่แท้จริง ไม่ได้วัดจากรายได้จากการทำงาน แต่วัดจากมูลค่าทรัพย์สินของแต่ละคน คนจน หรือคนชั้นกลางให้คุณค่ากับรายได้จากการทำงานเพียงอย่างเดียว และไม่มีสินทรัพย์เลยสักชิ้น
เขาบอกว่าเราควรมุ่งเป้าไปที่การพยายามเพิ่มรายได้ เพิ่มเงินออม เพิ่มผลตอบแทนที่ได้จากการลงทุน
และพยายามใช้ชีวิตที่เรียบง่ายเพื่อลดค่าใช้จ่าย 4 ปัจจัยนี้จะนำพาให้เราไปสู่ความมั่งคั่งได้ อย่ายึดติดกับการหารายได้แต่เพียงอย่างเดียว ให้พยายามมองหาสินทรัพย์ที่สร้างมูลค่าเพิ่มได้ในอนาคตด้วย
แผนการท้ายสุดของบทนี้ คือการจ้างนักวางแผนทางการเงิน ที่ไว้ใจได้ มาช่วยวางอนาคตทางการเงินให้กับเรา ซึ่งดูแล้วหากรายได้เราไม่ได้มากมายขนาดนั้นอาจจะไม่จำเป็น
14.คนรวยบริหารจัดการเงินได้อย่างดี
เขาอ้างอิงถึงหนังสือ The Millionaire Next Door โดย Thomas Stanley ที่สำรวจบรรดาเศรษฐีในอเมริกา ถึงเหตุปัจจัยสำคัญที่ทำให้พวกเขาสร้างความมั่งคั่งได้ และผลลัพธ์สรุปได้ว่า คนรวยบริหารเงินเก่ง ต่างกับคนจนที่บริหารงานไม่เป็น
เขาแนะนำให้เปิดบัญชีเพื่ออิสรภาพทางการเงิน โดยหัก 10% จากรายได้ นำไปเข้าบัญชี และห้ามนำออกมาใช้จ่ายเด็ดขาด ทำกระปุกสำหรับหยอดเงินทุกวัน ไม่ว่าจะมากหรือน้อย เปิดอีก 5 บัญชี โดยบัญชีแรก หักเงิน 10% สำหรับการใช้จ่ายจิปาถะ บัญชีที่ 2 หักจากรายได้ 10% เพื่อเข้าบัญชีสำหรับเงินออมระยะยาว บัญชีที่ 3 หัก 10% เพื่อการศึกษา บัญชีที่ 4 หักอีก 50% เพื่อรายจ่ายที่จำเป็น และอีก 10% สุดท้ายสำหรับบัญชีเพื่อการแบ่งปันผู้อื่น
ท้ายที่สุดเขาแนะนำให้เริ่มบริหารเงินตั้งแต่วันนี้เลย อย่ารอจนกว่าจะถึงโอกาสเหมาะ เพราะมันไม่เคยเกิดขึ้น ให้พยายามฝึกการบริหารเงิน เพื่ออิสรภาพทางการเงิน หมั่นเก็บออม และนำเงินไปลงทุน แบ่งรายได้ที่ได้รับออกเป็นส่วนๆ แล้วบริหารจัดการตามคำแนะนำข้างต้น
15.คนรวยใช้เงินทำงาน
ในบทนี้เขากล่าวถึงคอนเซ็ปต์การใช้เงินทำงาน ซึ่งเราคงเคยได้ยินประโยคดังกล่าว แต่คนส่วนใหญ่ตามที่เขากล่าวอ้าง มักจะเคยได้ยินแต่ประโยคที่ว่าต้องทำงานหนักเพื่อหาเงิน การทำงานหนักเป็นเรื่องที่จำเป็น แต่การทำงานหนักอย่างเดียว จะไม่สามารถทำให้เราร่ำรวยได้ แต่ต้องรู้จักใช้เงินทำงานหนักเพื่อเราเช่นกัน ในที่นี้หมายถึงรู้จักนำเงินไปลุงทนต่อยอด
คนรวยชอบใช้เงินทำงานอย่างหนัก และยังให้คนอื่นมาทำงานแทนตนเองด้วย ส่วนคนจนชอบใช้แรง แต่ไม่รู้จักใช้เงินลงทุน อย่างไรก็ดีแรกเริ่มนั้น เราทุกคนต้องทำงานอย่างหนักเพื่อเงินเสียก่อน
เขาแนะนำให้เราพยายามหาความรู้ใส่ตัวให้มาก อ่านหนังสือเกี่ยวกับการลงทุนด้านต่างๆ ข่าวสารทางธุรกิจเพื่อขยายช่องทาง และพยายามหาวิธีที่จะทำให้เงินกลายเป็นเมล็ดพันธุ์ ที่จะงอกเงยในอนาคต หาอะไรก็ตามที่จะเพิ่มรายได้ให้กับเราโดยที่ไม่ต้องอาศัยเราทำงานอยู่ตลอด โดยเฉพาะปัจจุบันแนวทางการใช้เงินทำงานเป็นที่แพร่หลายมากขึ้น ลองติดตามข้อมูลต่างๆถึงวิธีการใช้เงินทำงาน ซึ่งมีมากมายบนอินเตอร์เน็ต เพราะบทนี้เป็นเพียงแค่การจุดประกาย ต่อหากจะต่อยอดต้องขวนขวายข้อมูลเพิ่มเติม
16.คนรวยไม่ยอมให้ความกลัวมาบดบัง
เขาย้อนไปถึงกระบวนการที่จะทำให้เกิดผลลัพธ์ โดยเริ่มจากความคิดที่นำไปสู่การกระทำ คนส่วนใหญ่คิดที่จะรวย แต่คนส่วนน้อยคิดที่จะทำ ที่คนส่วนใหญ่ไม่ลงมือทำ เพราะความกลัว
สมองของเราเสมือนนักประพันธ์อันยิ่งใหญ่ ที่จะเขียนชีวิตของเราออกมา ไม่ว่าจะดีหรือเลว น้ำเน่า หรือสุขสมหวังแค่ไหน ล้วนขึ้นอยู่กับสมองที่จะสร้างความคิดออกมา โดยเฉพาะปัญหาต่างๆที่เรามักคิดวิตกอยู่เสมอ
T.Harv Eker อ้างอิงถึงคำพูดของ Mark Twain ที่กล่าวไว้ว่า “ผมมีปัญหาในชีวิตนี้เป็นพันๆเรื่อง ซึ่งส่วนใหญ่ไม่เคยเกิดขึ้น” บ่งบอกให้เราเห็นถึงความบกพร่องทางความคิดของสมอง ที่มักจะวิตกกังวลเกินจริง เขาจึงแนะนำให้เราพยายามฝึกควบคุมความคิด ให้กำจัดความกลัวที่อาจจะเกิดขึ้น เป็นอุปสรรคขวางทางเราไปสู่ความมั่งคั่ง เขียนความกลัวทั้งหมดออกมา พร้อมทั้งเขียนวิธีรับมือกับปัญหาเหล่านั้นที่อาจจะเกิดขึ้น
พยายามก้าวออกจากขอบเขตของความสบาย ทำสิ่งที่ไม่อยากทำ หรือไม่คุ้นชิน พูดกับคนแปลกหน้า ขอในสิ่งที่ไม่เคยขอ ทำในสิ่งที่ไม่คิดว่าจะทำได้ พยายามควบคุมความคิดแง่ลบในสมอง คิดว่าเราทำได้ ลบล้างความคิดที่ว่าเราจะทำไม่ได้ออกไปเสีย
17.คนรวยเรียนรู้ และเติบโต
มาถึงหัวข้อสุดท้ายของ Financial blueprint ที่จะนำพาเราไปสู่ความมั่งคั่งได้ ในข้อนี้เขากล่าวถึงคำต้องห้ามที่อันตรายเป็นที่สุด ที่จะปิดกั้นการเรียนรู้ และเติบโตของเรา คือ ฉันรู้แล้ว คำพูดหนึ่งที่เขากล่าวอ้าง เป็นของ Jim Rohn นักพูดชื่อดัง ที่กล่าวว่า
“ถ้าเราทำแต่สิ่งที่เราเคยทำ ก็จะได้แต่สิ่งที่เราเคยได้”
ประโยคดังกล่าวนี้บ่งบอกให้เห็นถึงความสำคัญของการเรียนรู้ และเติบโต ไม่ใช่เอาแต่คิดว่ารู้แล้วไปเสียหมด
คนจนมักจะชอบทำตัวเป็นผู้รู้ ตามคำบอกเล่าของเขา ปั้นหน้าว่ารู้ไปหมดทุกเรื่อง และพยายามอย่างยิ่งที่จะพิสูจน์ว่าพวกเขาเป็นฝ่ายถูกเสมอ แตกต่างกับคนรวย ที่ชอบเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ และพัฒนาตนเองอยู่เสมอ ท้ายที่สุดนี้เขาแนะนำให้อ่านหนังสือ เดือนละเล่มเป็นอย่างน้อย เอาจริงเอาจังกับการฝึกฝนพัฒนาตนเอง หรือกระทั่งจ้างโค้ชความสำเร็จมาช่วยฝึกสอน
สิ่งต่างๆที่ระบุอยู่ในหนังสือ Secrets of the Millionaire Mind คงจะไม่มีประโยชน์อันใดเลย หากอ่านแล้วไม่นำไปปฏิบัติตาม ผมเชื่อว่าหากเรานำสิ่งที่ได้ไปประยุกต์ใช้ และปฏิบัติอย่างจริงจัง จะเป็นประโยชน์ในการปรับทัศนคติให้มีความคิดแบบคนที่มีโอกาสจะร่ำรวยมากขึ้นในอนาคต
ขอบคุณที่ติดตามมาจนถึงตอนสุดท้ายครับ