หากกล่าวถึงปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อความสำเร็จในชีวิต การพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องถือเป็นปัจจัยสำคัญ
คุณสามารถที่จะพัฒนาความสามารถในเรื่องต่างๆของตนเองได้ด้วยการลงมือทำ จนเกิดความเชี่ยวชาญ เพราะสมองของมนุษย์จะพัฒนาขึ้นได้ด้วยการทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งซ้ำๆ กันอย่างต่อเนื่อง จนเส้นประสาทในสมองที่เรียกว่า Myelin ถูกสร้างมากขึ้น นอกจากนี้การพัฒนาความสามารถในเรื่องต่างๆนั้น จำเป็นจะต้องได้วิธีการ หรือแนวทางที่ถูกต้องเหมาะสมด้วย เพื่อให้เกิดการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ และไม่เสียเวลาลองผิดลองถูก
วิธีหนึ่งที่จะช่วยร่นระยะเวลาในการพัฒนาตนเองได้คือการอ่านหนังสือ
ทั้งนี้หนังสือบนโลกมีมากมายนับไม่ถ้วน แม้จะกำหนดกรอบเป็นหนังสือสำหรับการสร้างความสำเร็จในชีวิตแล้ว ก็ยังมากเกินจะอ่านทั้งหมดได้ ยังไม่นับถึงหนังสือที่ไม่สามารถนำไปปฏิบัติได้จริงที่เราต้องเสียเวลาอ่านอีกด้วย เพื่อเป็นการประหยัดเวลาอันมีค่า เราจึงนำหนังสือแนวพัฒนาตนเองตัวเด็ดๆ มาแนะนำโดยคัดเลือกจากปัจจัยต่างๆเหล่านี้…
1. ความนิยมของผู้อ่านทั่วโลก
2. สามารถสร้างความสำเร็จให้เกิดขึ้นได้จริง
3. เสียงตอบรับจากนักวิจารณ์ทั่วโลก
Think and Grow Rich
หนังสือเล่มนี้ถูกเขียนขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1937 โดย นโปเลียน ฮิลล์ ผู้ที่ถูกกล่าวขวัญมากที่สุดตลอดกาลสำหรับผู้เขียนหนังสือแนวพัฒนาตนเอง
นโปเลียน ฮิลล์ ได้แรงบันดาลใจในการเขียนหนังสือเล่มนี้ โดยการแนะนำของแอนดรูว์ คาร์เนกี้ มหาเศรษฐีในยุคนั้น ที่ได้แนะนำให้ออกเดินทางหาเคล็ดลับสู่ความสำเร็จ ผ่านการสัมภาษณ์ผู้ที่ประสบความสำเร็จมากมาย ถึงแม้ว่าหนังสือเล่มนี้จะมีชื่อเรื่องที่เกี่ยวกับการสร้างความร่ำรวย แต่นโปเลียน ฮิลล์ ก็ได้กล่าวอ้างว่าหนังสือเล่มนี้สามารถสร้างความสำเร็จได้ในทุกเรื่องหากนำหลักการต่างๆในหนังสือไปใช้อย่างจริงจัง
หนังสือเล่มนี้ขายได้กว่า 70 ล้านเล่มทั่วโลก และยังสร้างยอดขายได้อย่างต่อเนื่องจวบจนถึงปัจจุบันนี้ Think and Grow Rich ยังเป็นหนึ่งในหนังสือที่ จอห์น แม็กซ์เวลล์ หนึ่งในสุดยอดนักสร้างแรงบันดาลใจ แนะนำว่าควรอ่านอย่างยิ่งครั้งหนึ่งในชีวิต
7 Habits of Highly Effective People
เขียนโดย สตีเฟน โควีย์ และถูกตีพิมพ์ในปี 1989 เป็นหนังสือแนวพัฒนาตนเอง ที่เน้นเรื่องการสร้างคุณลักษณะนิสัยที่แท้จริง มากกว่าการพยายามสร้างบุคลิกภาพ โดยใช้หลักอุปนิสัยที่ถือเป็นหลักยึดเหนี่ยว 7 ข้อ หนังสือเล่มนี้มียอดขายมากกว่า 25 ล้านเล่มทั่วโลก และเป็นหนังสือเสียงเล่มแรกจำพวก non-fiction (ไม่ใช่นวนิยาย หรือเรื่องที่แต่งขึ้น) ที่มียอดขายมากกว่าล้านเล่ม
สตีเฟน โควีย์ ระบุว่าบรรดาหนังสือเพื่อการพัฒนาตนเองนั้นมักเน้นเรื่องการปรับเปลี่ยนบุคลิกภาพ แต่ความสำเร็จที่แท้จริงจะต้องเกิดขึ้นจากการสร้างค่านิยมที่ถูกต้องในชีวิต หลักการที่สตีเฟน โควีย์ นำมาถ่ายทอด เขายอมรับว่าไม่ได้เป็นผู้คิดค้นขึ้น หากแต่นำมาปรับ และเรียบเรียงให้เข้าใจง่าย หลักการทั้งหมดสามารถนำมาใช้ได้ทุกยุคสมัยไม่มีวันเสื่อมไป
Rich Dad Poor Dad
หนังสือเล่มนี้คงไม่มีใครใฝ่หาความอิสรภาพทางการเงินไม่รู้จัก ผู้แต่งคือ โรเบิร์ต คิโยซากิ และ ชารอน เลคช์เตอร์ เป็นหนังสือที่สอนให้สร้างอิสรภาพทางการเงินให้กับชีวิต ผ่านการลงทุนต่างๆ อาทิ อสังหาริมทรัพย์ การสร้างธุรกิจเป็นของตนเอง
หนังสือเล่มดังกล่าวเล่าเรื่องราวที่เกี่ยวกับเด็กชายคนหนึ่งที่ต้องมีพ่อ 2 คน คือ พ่อรวย และพ่อจน สะท้อนมุมมองแนวคิดที่ได้จากพ่อทั้ง 2 คน เกี่ยวกับการใช้ชีวิต และการบริหารเงิน หนังสือเล่มนี้ถือเป็นหนังสือที่ถูกกูรูด้านการเงิน กล่าวถึงบ่อยครั้งเกี่ยวกับการสร้างอิสรภาพทางการเงิน
Outliers
หนังสือเล่มนี้ค่อนข้างจะแตกต่างจากหนังสือแนวพัฒนาตนเองทั่วไป เพราะหนังสือดังกล่าวถูกเขียนขึ้นมาจากการรวบรวม ค้นคว้าสาเหตุของความสำเร็จ โดย มัลคอล์ม แกลดเวลล์
เขากล่าวถึงสาเหตุที่นักฮ็อกกี้ที่ประสบความสำเร็จมักจะเกิดช่วงต้นปี เหตุใดบิล เกตส์ ถึงร่ำรวยอย่างมาก และเพราะอะไรวงดนตรีอย่างเดอะ บีเทิลส์ ถึงกลายมาเป็นวงดนตรีที่ประสบความสำเร็จที่สุดตลอดกาล นอกจากนี้มัลคอล์ม แกลดเวลล์ ยังกล่าวถึงกฎ 10,000 ชั่วโมง ที่เขาอ้างว่าเป็นสาเหตุสำคัญต่อความสำเร็จที่เกิดขึ้น หนังสือเล่มนี้กลายเป็นหนังสือขายดีของนิวยอร์ค ไทม์
The Power of Habits
หนังสือเล่มนี้เขียนขึ้นในปี 2012 โดย ชาร์ลส์ ดูฮิกก์ นักข่าวของสำนักพิมพ์นิวยอร์ค ไทมส์ กล่าวถึงการสร้างอุปนิสัยของมนุษย์ ผ่านเรื่องราวต่างๆ ที่น่าสนใจ สร้างความเข้าใจใหม่เกี่ยวกับอุปนิสัยของมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นการลดน้ำหนัก การสร้างผลลัพธ์ให้เกิดขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ การสร้างความสำเร็จผ่านการสร้างอุปนิสัยที่ดี
ชาร์ลส์ ดูฮิกก์ แสดงให้เห็นว่าอุปนิสัยนั้นมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งกับชีวิตของเรา สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นกับธุรกิจ สังคม และชีวิตของเราได้นอกจากนี้ยังได้รับคำนิยมจาก จิม คอลลินส์ ผู้เขียนหนังสือ Good to Great ว่าเป็นหนังสือที่เฉียบคม และมีประโยชน์อย่างยิ่ง ถือเป็นหนังสือที่น่าอ่านอย่างมากสำหรับผู้ที่อยากจะสร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับตนเองผ่านการปรับเปลี่ยนนิสัย
How to Win Friends and Influence People
ถือเป็นหนังสือเล่มแรกๆในประวัติศาสตร์เลยทีเดียว ที่ถูกเขียนขึ้นมาโดยมีเนื้อหาเกี่ยวกับการพัฒนาตนเอง เขียนโดย เดล คาร์เนกี้
หนังสือเล่มนี้ถูกเขียนขึ้นในปี 1936 และมียอดขายกว่า 15 ล้านเล่มทั่วโลก มีเนื้อหาเกี่ยวกับการสร้างความสัมพันธ์ และการเอาชนะใจเพื่อนมนุษย์ เน้นไปที่การผูกมิตรกับผู้อื่น เหมาะสำหรับผู้ที่มักจะลำบากใจ หรือประหม่าเวลาที่ต้องมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น
การสร้างความสัมพันธ์กับผู้อื่นถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งยวดในการสร้างความสำเร็จในชีวิต เพราะเราไม่สามารถใช้ชีวิตตัวคนเดียวได้ หนังสือเล่มนี้จึงกลายเป็นหนึ่งในหนังสือที่ควรอ่านอย่างยิ่งเพื่อพัฒนาบุคลิกภาพให้น่าคบหา เหมาะสำหรับทุกคน โดยเฉพาะนักขาย นักธุรกิจ ฯลฯ
The Richest Man in Babylon
หนังสือเกี่ยวกับการสร้างความมั่งคงร่ำรวย เขียนขึ้นโดย จอร์จ ซามูเอล คลาสัน หนังสือเล่าเรื่องราวผ่านตัวละครที่ถูกแต่งขึ้น ในยุคสมัยแห่งบาบิลอนอันมั่งคั่ง
ตัวละครเอกได้เรียนรู้หลักแห่งการสร้างความมั่งคั่ง จนกระทั่งกษัตริย์ในยุคสมัยนั้น มีรับสั่งให้เรียกตัวไปเข้าเฝ้า เพื่อทำการสอนหลักการนี้ แก่ผู้คนในเมืองบาบิลอน ไม่ให้เกิดความยากจนแพร่ระบาดออกไป ถึงแม้หลักการดังกล่าวจะอยู่ในเรื่องแต่งขึ้น แต่ก็สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในปัจจุบันได้อย่างดี อาทิ การเก็บเงินส่วนหนึ่งก่อนนำไปใช้จ่ายชีวิตประจำวัน หรือการนำเงินไปลงทุนให้งอกเงย
The 48 Laws of Power
หากอำนาจเป็นสิ่งที่สามารถทำให้เราก้าวสู่ความสำเร็จได้ หนังสือเล่มนี้สอนกลวิธีการสร้างอำนาจให้มาอยู่ในมือเรา ผ่านปากกาของโรเบิร์ต กรีน
โรเบิร์ต กรีนได้แนวคิดของหนังสือเล่มดังกล่าว จากเรื่องราวการห้ำหั่นแย่งชิงอำนาจมากมายในประวัติศาสตร์ จนกลายมาเป็นหลักการ 48 ข้อ ที่นำไปสู่การสร้างพลังอำนาจ อาทิ อย่าทำตัวเหนือนาย หรือซ่อนความต้องการเอาไว้ ฯลฯ
หนังสือเล่มนี้ได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลาย อาทิ ฟิฟตี้ เซนต์ นักร้องชื่อดังที่ชื่นชอบหนังสือเล่มนี้ จนได้ร่วมงานกับโรเบิร์ต กรีน เขียนหนังสือเล่มต่อไปในชื่อ The 50th law หรือบัสต้า ไรฮม์ส ที่นำหลักการในหนังสือเล่มนี้มาใช้ต่อกลอนกับเหล่าโปรดิวเซอร์หนังเจ้าปัญหา แม้กระทั่งดีเจดังระดับโลกอย่าง แคลวิน แฮร์ริส ที่นำหลักการข้อที่ 28 ของหนังสือเล่มนี้มาสักเป็นข้อความไว้ที่แขน
The 4-hour Workweek
บรรดาผู้ที่แสวงหาอิสรภาพทางการเงิน คงไม่มีใครไม่เคยได้ยินชื่อหนังสือเล่มนี้ ที่เขียนขึ้นโดย ทิม แฟร์ริส หนึ่งในบุคคลที่ถูกกล่าวถึงบ่อยครั้งในหน้าอินเตอร์เนต หนังสือเล่มดังกล่าวนี้ติดอันดับหนังสือขายดี ของนิวยอร์ค ไทมส์ มากว่า 4 ปี ถูกนำมาแปลแล้วกว่า 35 ภาษา อีกทั้งยังขายไปแล้วกว่า 1 ล้านเล่มทั่วโลก
ทิม แฟร์ริส กล่าวถึงการสร้างชีวิตขึ้นมาด้วยการนิยามความเป็นเศรษฐียุคใหม่ ที่ไม่จำเป็นจะต้องทำงานตั้งแต่เช้าจดเย็น เข้างานเป็นพนักงานประจำเหมือนอย่างคนทั่วไป ใช้ชีวิตในแบบที่ตนเองต้องการ อาทิ ไปท่องเที่ยวทั่วโลก แทนที่จะมัวทำงานหาเงิน เก็บไว้ใช้ยามเกษียณ
หนังสือเล่มดังกล่าวนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งเล่มที่ แพต ฟลินน์ Blogger ชื่อดังแนะนำให้อ่าน เช่นเดียวกับหนังสือ 100$ Startup หรือ ReWork สำหรับในประเทศไทยนั้นหาซื้อได้ยากมาก จนกระทั่งมีสำนักพิมพ์ตีพิมพ์ใหม่อีกครั้งไม่นานนี้
Mindset
หนังสือเล่มนี้เขียนโดย คารอล ดเว็ค ศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยา แห่งมหาวิทยาลัยแสตนฟอร์ด โดยนำข้อมูลที่ได้จากการทำวิจัยมาเขียนเรื่องราว ผ่านระบบความคิดของมนุษย์ 2 ระบบ คือ Fixed Mindset และ Growth Mindset
เธอกล่าวว่าความคิดที่แตกต่างกันนี้ส่งผลถึงความสำเร็จในเรื่องต่างๆที่เราต้องเผชิญ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวของความรัก การใช้ชีวิตคู่ การเรียนรู้สิ่งต่างๆ การดำรงชีวิต หน้าที่การงาน หรือเรื่องราวของธุรกิจขนาดใหญ่
นอกจากนี้ยังได้กล่าวถึงการส่งเสริมระบบความคิดที่ถูกต้องผ่านการเรียนการสอน ที่ถูกหลัก ซึ่งจะช่วยกระตุ้นให้เกิดการเรียนรู้ในวัยเด็กที่เหมาะสม จนสามารถเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีโอกาสประสบความสำเร็จ เหมาะสำหรับผู้ที่อยากจะดำเนินชีวิตด้วยความคิดที่ส่งเสริมความสำเร็จ ปัจจุบันไม่มีฉบับแปลภาษาไทยแล้ว
One Comment
Therawat Khamsuk
หนังสือ “THE MAGIC OF THINKING BIG”
หรือที่เรียบเรียงเป็นภาษาไทยโดย ดร.นิเวศ เหมวชิรวรากร
ชื่อ ” คิดใหญ่ ไม่คิดเล็ก ” เล่มนี้ก็น่าสนใจน่ะครับ