สำหรับบทความนี้ ผมได้มีโอกาสได้ดูเทปรายการ วู้ดดี้ เกิดมาคุย ได้ไปสัมภาษณ์กับคุณหมวย ศิริญา เทพเจริญ สาวเก่งจากอุดรธานีสู่เจ้าของอสังหาริมทรัพย์ที่มีเครดิตในการทำโครงการกว่าหมื่นล้านบาท จึงได้ถ่ายทอดเป็นบทความผ่าน Leader Wings ให้ท่านผู้อ่านได้อ่านเรื่องราวของผู้หญิงแกร่งท่านนี้กันครับ
สิ่งที่น่าสนใจในการได้เรียนรู้จากพี่หมวยนั้น ส่วนตัวแล้วผมมองว่าการที่เราได้ศึกษาและเรียนรู้จากคนที่ประสบความสำเร็จและเศรษฐีที่สร้างตัวขึ้นมาด้วยตัวเองนั้น มีความสำคัญในการไปปรับใช้กับตัวเราได้เป็นอย่างมากและข่าวดีก็คือ เศรษฐีกว่าร้อยละ 80 เป็นคนที่สร้างฐานะขึ้นมาด้วยตนเอง หรือแม้แต่ในต่างประเทศยังมีการให้คะแนน Self-made millionaire/billionaire ว่าใครมีคะแนนในการสร้างเนื้อหาสร้างตัวขึ้นมามากกว่ากัน
ดังนั้นคนที่มีรวยจากมรดกครอบครัวนั้นเป็นสิ่งที่เราเลียนแบบไม่ได้ แต่ถ้าเป็น Self-made แล้วล่ะก็เราสามารถเรียนรู้ เลียนแบบ นำไปปรับใช้กับชีวิตของเราได้เป็นอย่างดี มาดูเรื่องราวของพี่หมวยคนนี้กันครับ
เริ่มต้นเรื่องราวจากที่พี่หมวย เกิดที่จังหวัดอุดร แล้วไปโตที่หนองคาย จนกระทั่งได้ย้ายเข้าเมืองหลวงมาจับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จนมีทุกวันนี้ย้อนกลับไปเมื่อประมาณอายุ 15-16 ปี พี่หมวยได้เล่าให้ฟังว่าในช่วงนั้นจำเป็นที่จะต้องออกจากโรงเรียนมาช่วยที่บ้านเลี้ยงน้อง ทำงาน เพราะถ้าไม่ออกจากโรงเรียนน้องก็จะไม่ได้เรียน ลึกๆ แล้วพี่หมวยเองก็เป็นเหมือนปมฝังใจว่า ทำไมตัวเองไม่มีโอกาสได้เรียนสูงๆ แต่เมื่อลองนึกย้อนกลับไปว่าถ้าไม่มีวันนั้นก็อาจจะไม่มีวันนี้ ถ้าตอนนั้นมีโอกาสได้เรียนหนังสือ ก็อาจจะไม่ได้มาเป็นนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ประสบความสำเร็จมากมายเท่าทุกวันนี้
แต่เมื่อไม่ได้เรียนในโรงเรียน แต่สิ่งที่ได้มาทดแทนก็คือ การเรียนรู้ในการใช้ชีวิตจริงๆ ที่จะต้องทำงานและเอาตัวรอดให้ได้ เริ่มต้นด้วยในช่วงอายุ 15 ทำพืชไร่อยู่ จนกระทั่งแต่งงานเมื่ออายุ 20 และจากนั้นก็ได้เริ่มต้นจับธุรกิจอสังหาฯ ครั้งแรกตอนอายุ 23 ปี โดยเริ่มแรกไปชวนเพื่อนที่ทำงานที่ธนาคารมาแบ่งที่ขาย ซึ่งสิ่งแรกที่พี่หมวยรู้สึกได้เลยก็คือ ชอบงานอสังหาฯ มาก เพราะว่าถ้าเป็นธุรกิจพืชไร่นั้นจะไม่สามารถควบคุมราคาขายได้ ต้องขึ้นอยู่กับราคาตลาด
แต่ในขณะที่ ที่ดินนั้นเราสามารถกำหนดราคาเองได้ สามารถออกแบบ ลงความคิดสร้างสรรค์ในเพิ่มมูลค่าเองได้ และเงินก้อนแรกที่เอาไปลงทุนนั้นได้มาจากเงินเปียแชร์ และยืมเงินจากคุณพ่อมาอีก 3 แสน สิ่งที่พี่หมวยได้สอนเราก็คือ ถ้าคิดอะไรได้แล้วต้องทำ คิดได้ทำเลย หลายๆ คนไอเดียดี ไอเดียเยอะ คิดมาก จนได้ไม่ลงมือทำ หรือกว่าจะลงมือทำ จังหวะ เวลา นั้นๆ ก็อาจจะไม่เอื้ออำนวยไปแล้ว
ในหลายๆ ครั้งพี่หมวยเองก็เล่าให้ฟังว่า โดนโกงจากเพื่อนๆ ที่ทำงานด้วยกัน มีการหนีคดี ฟ้องร้อง แต่ด้วยมุมมองความคิดบวก ทำให้พี่หมวยตัดใจ ในการฟ้องร้อง เพราะค่อนข้างกินเวลาและเสียสุขภาพจิต จึงคิดซะว่า เป็นการให้อภัยและได้บอกว่า เงินที่เขาได้ไปนั้นมันน้อยมากถ้าเทียบกับการเสียความเป็นเพื่อนไป
ในช่วงวิกฤตต้มยำกุ้งตอนปี 2540 พี่หมวยเองก็เจอวิกฤตนี้เข้าไปเต็มๆ เหมือนกัน โดยพี่หมวยเล่าให้ฟังว่า เวลามีเจ้าหนี้โทรมา อย่าหนีปัญหาให้คุยกับเจ้าหนี้ เพราะเขาต้องการคุย ต้องการช่วยแก้ปัญหา และถ้าเรามีก็นำไปใช้เจ้าหนี้ ใช้ความจริงใจ ความซื่อสัตย์ ความรับผิดชอบ ซึ่งน่าจะเป็น Key สำคัญ Key หนึ่งที่ทำให้พี่หมวยประสบความสำเร็จจนถึงทุกวันนี้
โดยพี่หมวยก็ยังงงๆ เหมือนกันว่า มาถึงจุดนี้ได้ยังไง เพราะความรู้ก็ไม่มี คอนเนคชั่นก็ไม่มี พ่อแม่ก็ไม่รวย เพราะฉะนั้นถ้าทุกคนขยัน
พี่หมวยเชื่อว่า ทุกคนรวยได้
ในวัย 29 ปี พี่หมวยได้เครดิตในการทำโครงการอสังหาฯ กว่าหมื่นล้านบาท จาก 40-50 โครงการ แต่ด้วยความที่มีความเป็นมืออาชีพมากๆ ทุกอย่างมีการวางแผน แพลนไว้เป็นอย่างดี ทำให้ไม่รู้สึกกังวลว่า การบริหารเงินเยอะๆ นั้นโดยไม่มีความกดดัน
สิ่งสำคัญที่พี่หมวยเน้นย้ำก็คือ “เครดิต” เพราะพี่หมวยได้รับโอกาสจากผู้ใหญ่ก็คือการสะสมเครดิต ความน่าเชื่อถือ ไว้ใจได้ ต่างๆ เหล่านี้ สำคัญมากๆ สำคัญมากกว่าสัญญาซะอีก โดยมีอยู่เคสนึงที่พี่หมวยเล่าให้ฟังว่า ได้เซ็นเงินให้ผู้ใหญ่ไป กว่าร้อยล้าน โดยที่ยังไม่ได้เซ็นต์สัญญากันเลยด้วยซ้ำ แต่วัดใจกันที่คำพูดของคนๆ นั้น เรียกได้ว่าเป็นผู้หญิงที่ทำธุรกิจด้วยความไว้ใจและยึดหลักซื่อสัตย์เสมอมา
พี่หมวยยังได้ให้ข้อคิดในการเลี้ยงลูกๆ ทั้ง 5 คน อีกด้วยว่า ต้องให้เรียนรู้จากทั้งในตำราด้วยและเรียนในชีวิตจริงไปด้วย แต่หลักๆ คือ “สำคัญคือเราต้องเข้าใจเรื่องคน” และผลจากเครดิตที่พี่หมวยสะสมเอาไว้ ในช่วงที่ใครๆ ก็ไม่อยากปล่อยเงินกู้ในภาวะเศรษฐกิจย่ำแย่แต่พี่หมวยก็ได้รับโอกาสจากผู้ใหญ่ในการปล่อยกู้ เพราะเขาน่าจะเห็นความตั้งใจในการทำงานจริง เอาจริงกับงาน พี่หมวยยังได้ให้แนวคิดในการดำเนินชีวิตว่า เราเกิดมาแล้วจะทำอะไรก็ทำให้มันเต็มที่ เพราะถ้าเราทำเต็มที่เราจะไม่นึกย้อนกลับมาเสียใจในภายหลัง และพี่หมวยเชื่อว่าถ้าเราทำเต็มที่ทุกอย่างมันก็ไม่มีอะไรที่ต้องน่ากังวล อย่ามัวไปติดกับอดีตที่ผิดพลาดมาแล้ว แต่ให้ใช้อดีตเป็นบทเรียนว่า เมื่อเราผิดแล้ว จะแก้ไขได้ยังไงบ้าง
คนเราเกิดมาไม่มีใครเพอร์เฟ็ค แต่เกิดมาแล้วให้เราคิดว่าเราจะทำอะไรได้บ้างในแต่ละวัน ทุกคนเกิดมายังไงก็ต้องจากโลกนี้ไป เพราะฉะนั้นทำทุกวันให้มันดีที่สุด และวิสัยทัศน์ของพี่หมวย ในการทำโครงการที่ชื่อว่า NUSAONE ที่พึ่งสร้างขึ้นมาเมื่อปีที่แล้วนั้น เป็นการเตรียมการเพื่อต้อนรับ AEC ที่กำลังจะมาถึง โดยการทำโครงการอสังหาฯ ไว้ถึง 7 แห่งด้วยกัน โดยเลือกตามจังหวัดที่มีนักท่องเที่ยวที่มักจะชอบไปกัน เช่น เขาใหญ่ ภูเก็ต พัทยา เชียงใหม่ ศรีราชา กรุงเทพฯ (สีลม, เอกมัย) เป็นต้น
บทความโดย อั้ม สุรเดช
www.LeaderWings.co
www.Asuradech.com
2 Comments
Suparat Wirattanapornkul
ชอบประโยคนี้มาก
“ถ้าคิดอะไรได้แล้วต้องทำ คิดได้ทำเลย หลายๆ คนไอเดียดี ไอเดียเยอะ คิดมาก จนได้ไม่ลงมือทำ หรือกว่าจะลงมือทำ จังหวะ เวลา นั้นๆ ก็อาจจะไม่เอื้ออำนวยไปแล้ว”
Waranyu Suradech
เห็นด้วยอย่างยิ่งเลยครับ